Contact Us On 02 676 3303 contact@pkgjourney.com

รถไฟแม็กเลฟ เทคโนโลยีรถไฟความเร็วสูงของญี่ปุ่น

รถไฟแม็กเลฟ

ด้วยความสามารถในการทำความเร็วกว่า 500 กม./ชม. และการพัฒนาที่เน้นนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง รถไฟแม็กเลฟจึงถือเป็นตัวอย่างสำคัญของวิทยาการญี่ปุ่นที่พลิกโฉมการเดินทางยุคใหม่ สู่ความรวดเร็ว ปลอดภัย และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตอกย้ำบทบาทผู้นำของญี่ปุ่นในอุตสาหกรรมระบบรางระดับโลก

คลิ๊กเพื่ออ่านเพิ่มเติม

 


1. หลักการทำงาน

  • การลอยตัว (Levitation):
    รถไฟแม็กเลฟใช้สนามแม่เหล็กไฟฟ้าเพื่อยกตัวรถไฟขึ้นจากราง (ประมาณ 10 มม. ถึง 150 มม.) การลอยตัวนี้ช่วยลดแรงเสียดทานระหว่างรถไฟกับรางจนเกือบเป็นศูนย์

 

  • ระบบ EMS (Electromagnetic Suspension): ใช้แม่เหล็กไฟฟ้าติดตั้งอยู่ใต้ตัวรถเพื่อดึงรถไฟขึ้นจากราง
    ระบบ EDS (Electrodynamic Suspension): ใช้แม่เหล็กถาวรร่วมกับแม่เหล็กไฟฟ้าสร้างแรงผลักและแรงดึงเพื่อยกลอย

 

  • การขับเคลื่อน (Propulsion):
    รถไฟแม็กเลฟใช้มอเตอร์เชิงเส้น (Linear Motor) ที่ประกอบด้วยแม่เหล็กไฟฟ้าบนรางและตัวรถเพื่อสร้างแรงผลักดัน (Magnetic Propulsion) ซึ่งสามารถควบคุมความเร็วและการเบรกได้อย่างแม่นยำ

 

  • การทรงตัว (Guidance):
    ระบบแม่เหล็กยังช่วยรักษาการทรงตัวของรถไฟให้อยู่ในแนวรางได้โดยอัตโนมัติ แม้ในขณะที่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง

2. คุณสมบัติเด่น

  • ความเร็วสูง: รถไฟแม็กเลฟสามารถวิ่งได้ด้วยความเร็วสูงกว่า 600 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (รถไฟแม็กเลฟของญี่ปุ่น JR-Maglev ทำความเร็วได้ถึง 603 กม./ชม.)

 

  • ความเงียบ:ไม่มีการสัมผัสทางกลไกระหว่างตัวรถกับราง ทำให้การเดินทางเงียบและราบรื่น

 

  • ลดแรงเสียดทาน:ไม่มีการสึกหรอของส่วนที่สัมผัสกัน ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา

 

  • ปล่อยมลพิษต่ำ:ใช้พลังงานไฟฟ้าซึ่งสามารถมาจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

3. ข้อเสีย

  • ต้นทุนสูง: การสร้างโครงสร้างพื้นฐาน เช่น รางแม่เหล็ก และระบบควบคุมมีค่าใช้จ่ายสูงมากเมื่อเทียบกับรถไฟความเร็วสูงแบบทั่วไป

 

  • ข้อจำกัดด้านโครงสร้าง: ต้องมีการสร้างเส้นทางใหม่ที่รองรับเทคโนโลยีแม็กเลฟโดยเฉพาะ และไม่สามารถใช้รางร่วมกับรถไฟทั่วไปได้

 

  • การพัฒนาเทคโนโลยี:ต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูงและการดูแลรักษาที่ซับซ้อน

4. ตัวอย่างโครงการแม็กเลฟที่สำคัญ

  • Shanghai Maglev (จีน): เปิดให้บริการตั้งแต่ปี 2004 วิ่งด้วยความเร็ว 430 กม./ชม. เชื่อมระหว่างสนามบินผู่ตงกับตัวเมืองเซี่ยงไฮ้

 

  • JR-Maglev (ญี่ปุ่น): เป็นโครงการรถไฟแม็กเลฟที่กำลังก่อสร้างเพื่อเชื่อมโตเกียวกับนาโกย่าและโอซาก้า ตั้งเป้าทำความเร็ว 500 กม./ชม.

 

  • Transrapid (เยอรมนี): เป็นต้นแบบแม็กเลฟที่พัฒนาโดยเยอรมนี แต่ยังไม่มีการนำมาใช้งานเชิงพาณิชย์เต็มรูปแบบ

 


อนาคตของรถไฟแม็กเลฟ
รถไฟแม็กเลฟถือเป็นตัวเลือกสำคัญสำหรับการเดินทางระหว่างเมืองด้วยความเร็วสูง และช่วยลดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมในอนาคต อย่างไรก็ตาม การพัฒนายังคงต้องเผชิญกับความท้าทายด้านต้นทุนและเทคโนโลยีที่ซับซ้อน


PHOTO CREDIT : NAGOYA INFO JAPAN

เยี่ยมชมศูนย์วิจัยและทดสอบ JR-Maglev ที่ Yamanashi Maglev Test Line (จังหวัดยามานาชิ) เป็นสถานที่ทดสอบและวิจัยรถไฟแม็กเลฟของบริษัท Central Japan Railway Company (JR Central)
ที่นี่นักวิจัยและผู้สนใจสามารถศึกษาระบบการทำงาน เช่น การลอยตัว การขับเคลื่อน และเทคโนโลยีการควบคุมรถไฟ
มีศูนย์นิทรรศการที่เปิดให้ผู้เยี่ยมชมเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ การพัฒนา และเทคโนโลยีของแม็กเลฟ


PHOTO CREDIT :NAGOYA INFO JAPAN

สถานที่ศึกษาดูงานเรื่องMagnetic HS Train (Maglev)ในญี่ปุ่นมีกี่ที่บ้าง?

ภาพตัวอย่าง :พิพิธภัณฑ์การรถไฟญี่ปุ่น (SCMAGLEV and Railway Park)

PHOTO CREDIT : NAGOYA INFO JAPAN

1. Yamanashi Maglev Test Line

ที่ตั้ง: จังหวัดยามานาชิ (ประมาณ 100 กิโลเมตรทางตะวันตกของโตเกียว)
จุดเด่น: เป็นสถานที่ทดสอบรถไฟ JR-Maglev รุ่น L0 Series
มีการทดสอบการวิ่งจริงในระยะทางประมาณ 42.8 กิโลเมตร
มี SCMAGLEV and Railway Park ซึ่งเป็นศูนย์นิทรรศการที่จัดแสดงโมเดลรถไฟแม็กเลฟ ประวัติความเป็นมา และเทคโนโลยีที่ใช้ในโครงการ
เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมบางช่วง และอาจมีการเปิดทดลองนั่งในบางโอกาส


2. SCMAGLEV and Railway Park

ที่ตั้ง: เมืองนาโกย่า จังหวัดไอจิ
จุดเด่น: พิพิธภัณฑ์รถไฟแห่งนี้ดำเนินการโดย Central Japan Railway Company (JR Central)
จัดแสดงรถไฟหลายรุ่น รวมถึง รถไฟแม็กเลฟต้นแบบ และข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับเทคโนโลยีแม่เหล็กไฟฟ้า
มีการจำลองการทำงานของรถไฟแม็กเลฟให้ผู้เยี่ยมชมได้สัมผัสประสบการณ์จริง


3.Railway Technical Research Institute (RTRI)

ที่ตั้ง: กรุงโตเกียว
จุดเด่น: เป็นสถาบันวิจัยด้านเทคโนโลยีระบบรางของญี่ปุ่น ซึ่งมีส่วนสำคัญในการพัฒนารถไฟแม็กเลฟ
แม้จะไม่เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมโดยง่าย แต่สามารถติดต่อเพื่อศึกษาดูงานในกรณีพิเศษหรือผ่านการร่วมมือทางวิชาการ


4. ศูนย์พัฒนา JR-Maglev

ที่ตั้ง: สำนักงานใหญ่ JR Central ในกรุงโตเกียว
จุดเด่น: ศูนย์กลางการวางแผนและพัฒนาโครงการแม็กเลฟในญี่ปุ่น
มีการให้ข้อมูลสำหรับนักวิจัยหรือผู้สนใจด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบขับเคลื่อนของแม็กเลฟ


5. โครงการสร้างสาย Chuo Shinkansen

สถานที่: ตามแนวเส้นทางระหว่าง โตเกียว – นาโกย่า
จุดเด่น: เป็นโครงการก่อสร้างสายรถไฟแม็กเลฟที่กำลังดำเนินการ โดยจะเป็นสาย Chuo Shinkansen
มีการศึกษาดูงานในพื้นที่ก่อสร้าง เช่น อุโมงค์ใต้ดินและการวางระบบรางแม่เหล็ก


6. มหาวิทยาลัยที่เกี่ยวข้อง

ตัวอย่างมหาวิทยาลัย:
University of Tokyo: มีการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีแม่เหล็กไฟฟ้า
Kyoto University: มีภาควิชาที่เกี่ยวข้องกับวิศวกรรมระบบราง
Nagoya University: ร่วมมือกับ JR Central ในการพัฒนาเทคโนโลยีแม็กเลฟ


 

PHOTO CREDIT : NAGOYA INFO JAPAN

บทสรุป ของเรื่อง “รถไฟแม็กเลฟ เทคโนโลยีรถไฟความเร็วสูงของญี่ปุ่น”

รถไฟแม็กเลฟ (Maglev) เป็นนวัตกรรมสำคัญที่สะท้อนถึงความก้าวหน้าของเทคโนโลยีญี่ปุ่นในด้านระบบราง ด้วยการใช้พลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าเพื่อยกลอยตัวรถไฟ ลดแรงเสียดทาน และเพิ่มความเร็วในการเดินทางอย่างมีประสิทธิภาพ รถไฟแม็กเลฟของญี่ปุ่น เช่น โครงการ JR-Maglev สาย Chuo Shinkansen ไม่เพียงแค่เป็นก้าวกระโดดทางวิศวกรรม แต่ยังสะท้อนถึงการมุ่งเน้นด้านความปลอดภัย ความยั่งยืน และการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

ℹ️ ข้อมูลเพิ่มเติม  / เว็บไซต์ต่างๆ

 

PKG JOURNEY มีโปรแกรม ทัวร์ญี่ปุ่น คุณภาพให้เลือกมากที่สุด

สนใจเช่ารถขับที่ญี่ปุ่น 

โทร. 02 676 3303 / 02 003 4883 – 5

ติดตามข่าวสารของเราได้ที่

Line id : @pkgjourney

Facebook page : https://www.facebook.com/pkgjourney/

รวมแพ็คเกจทัวร์เส้นทางทั่วโลก

Like Us On Facebook

Facebook Pagelike Widget