รถไฟชมวิวใบไม้เปลี่ยนสี ญี่ปุ่น รวมเส้นทางรถไฟสายสวยที่พาคุณชมธรรมชาติฤดูใบไม้ร่วงทั่วประเทศ กับ 5 ขบวนรถไฟยอดนิยมที่ควรนั่งสักครั้งในชีวิต
PHOTO CREDIT : การท่องเที่ยวญี่ปุ่น – JNTO
ขบวนรถไฟที่วิ่งผ่านหุบเขาโทชิงิ สัมผัสเสน่ห์ใบไม้สีแดงและส้มตลอดเส้นทาง
ไฮไลท์ช่วงใบไม้เปลี่ยนสี:
วิ่งเลียบแม่น้ำคินุงาวะผ่านหุบเขาลึก จุดพีคช่วงปลายตุลาคม – ต้นพฤศจิกายน มองเห็นสีสันของป่าเมเปิ้ลและต้นกิงโกะตัดกับภูเขา
เมนูแนะนำ:
“ยูบะ (ฟองเต้าหู้)” ของขึ้นชื่อของโทชิงิ เสิร์ฟในรูปแบบซาชิมิและซุปญี่ปุ่นรสกลมกล่อม
Yagan Tetsudo Railway เป็นเส้นทางรถไฟท้องถิ่นที่เชื่อมต่อจังหวัดโทชิงิกับฟุคุชิมะ ความยาวประมาณ 30 กิโลเมตร ไฮไลท์อยู่ที่การวิ่งเลียบแม่น้ำคินุงาวะ ผ่านหุบเขาลึก และลอดอุโมงค์ธรรมชาติ เส้นทางนี้โด่งดังเพราะวิวที่สวยในทุกฤดูกาล โดยเฉพาะ ฤดูใบไม้ร่วง (ปลายตุลาคม – ต้นพฤศจิกายน) ที่ภูเขารอบ ๆ เปลี่ยนเป็นสีแดง ส้ม และเหลือง ไล่เฉดสวยงามจนเต็มหุบเขา
สิ่งที่ทำให้เส้นทางนี้โดดเด่นคือ บรรยากาศเงียบสงบ สัมผัสความเป็นชนบทญี่ปุ่นแท้ ๆ และ ขบวนรถไฟที่แล่นช้าเพื่อให้คุณดื่มด่ำวิวเต็มที่ เป็นประสบการณ์ที่ทั้งโรแมนติกและผ่อนคลาย เหมาะกับคนรักธรรมชาติและคู่รักที่อยากเที่ยวในสไตล์สโลว์ไลฟ์
วิวหุบเขาและแม่น้ำคินุงาวะ
ขบวนรถไฟจะวิ่งไปตามโค้งแม่น้ำคินุงาวะ พร้อมฉากหลังเป็นภูเขาที่เต็มไปด้วยใบเมเปิ้ลและกิงโกะหลากสี
สะพานเหล็กและอุโมงค์ภูเขา
จุดชมวิวสุดพิเศษที่ทำให้ภาพถ่ายสวยราวโปสการ์ด โดยเฉพาะช่วงที่รถไฟแล่นออกจากอุโมงค์แล้วเปิดสู่ทิวทัศน์ใบไม้แดง
หมู่บ้านท้องถิ่นเล็ก ๆ
ระหว่างทางจะเห็นบ้านญี่ปุ่นโบราณและทุ่งนาที่ตัดกับภูเขา เหมือนย้อนเวลากลับไปในยุคโชวะ
ปลายตุลาคม – ต้นพฤศจิกายน
เป็นจุดพีคของใบไม้เปลี่ยนสีในโทชิงิ อากาศเย็นสบาย (ประมาณ 10–15°C) ฟ้าสดใส เหมาะกับการถ่ายรูปและเดินเล่นตามสถานีต่าง ๆ
ยูบะ (ฟองเต้าหู้)
ของขึ้นชื่อของโทชิงิที่ทำจากเต้าหู้สด เสิร์ฟได้ทั้งแบบซาชิมิ เนื้อเนียนนุ่ม หรือแบบต้มในซุปญี่ปุ่นรสกลมกล่อม
โซบะเส้นสด
เส้นโซบะทำจากบัควีตในท้องถิ่น กินคู่กับน้ำซุปหอม ๆ อุ่น ๆ คลายความหนาวระหว่างการเดินทาง
ของฝากท้องถิ่น
เช่น ขนมมันจูไส้ถั่วแดง และขนมหวานทำจากยูบะ
สะพานเหล็กกลางหุบเขา รถไฟสีสดตัดกับฉากใบไม้แดงเป็นภาพที่โดดเด่นมาก
มุมมองจากหน้าต่างรถไฟ ที่มองเห็นแม่น้ำคินุงาวะคดเคี้ยว
สถานี Yunishigawa-Onsen ที่มีบรรยากาศเรโทรและใกล้ออนเซ็น
แช่ออนเซ็นที่ Yunishigawa-Onsen
หลังจากนั่งรถไฟ คุณสามารถลงที่สถานีนี้เพื่อสัมผัสการแช่บ่อน้ำร้อนท่ามกลางภูเขาใบไม้เปลี่ยนสี เป็นความฟินที่สมบูรณ์แบบ
พักเรียวกัง
ลองค้างคืนในที่พักสไตล์ญี่ปุ่นแท้ พร้อมอาหารไคเซกิและวิวธรรมชาติสุดโรแมนติก
จองที่นั่งฝั่งซ้ายของรถไฟ สำหรับวิวที่ดีที่สุดของแม่น้ำและภูเขา
พกกล้องหรือสมาร์ทโฟนพร้อมแบตสำรอง เพราะคุณจะอยากถ่ายรูปตลอดทาง
เช็คตารางรถไฟล่วงหน้า เพราะรอบวิ่งไม่ถี่เหมือนรถไฟเมืองใหญ่
พกเสื้อแจ็คเก็ตบาง ๆ เพราะอุณหภูมิในหุบเขาจะเย็นกว่าในตัวเมือง
เพราะเส้นทางนี้คือ สัญลักษณ์ของการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติในโทชิงิ ที่รวมทุกความงดงามของฤดูใบไม้ร่วง ทั้งภูเขา แม่น้ำ วิถีชีวิตท้องถิ่น และอาหารญี่ปุ่นแท้ ๆ เป็นประสบการณ์ที่หาไม่ได้จากเมืองใหญ่
PHOTO CREDIT : การท่องเที่ยวญี่ปุ่น-JNTO
วิ่งผ่านสะพานเหล็กสูงเหนือหุบเขาวะตะราเสะ เหมาะสำหรับสายถ่ายรูปสุดๆ
ไฮไลท์ช่วงใบไม้เปลี่ยนสี:
เส้นทางยาว 44 กม. ช่วงต้นพฤศจิกายน ป่าและแม่น้ำเต็มไปด้วยสีสัน พร้อมสะพานเป็นจุดไฮไลท์
เมนูแนะนำ:
“คามะเมชิ” ข้าวอบหม้อดินรสชาติท้องถิ่น
รถไฟสาย Watarase Keikoku Railway เป็นหนึ่งในเส้นทางรถไฟที่ได้รับความนิยมสูงสุดในช่วงฤดูใบไม้ร่วงของญี่ปุ่น ด้วยเส้นทางยาวกว่า 44 กิโลเมตรที่เชื่อมระหว่าง สถานีคิริว (Kiryu) ในจังหวัดกุนมะ ไปจนถึง สถานีมะตะ (Mato) ในจังหวัดโทชิงิ ขบวนรถไฟจะวิ่งเลียบ หุบเขาวะตะราเสะ ผ่านสะพานเหล็กสูง และลอดอุโมงค์ภูเขา ท่ามกลางป่าไม้ที่เปลี่ยนสีอย่างสวยงาม
เมื่อเข้าสู่ปลายเดือนตุลาคมถึงกลางเดือนพฤศจิกายน ป่าทั้งสองฝั่งจะระบายด้วยสีแดง ส้ม และเหลืองของต้นเมเปิ้ลและกิงโกะ สะท้อนกับสายน้ำสีฟ้าใสของแม่น้ำวะตะราเสะ เป็นบรรยากาศที่ทั้งโรแมนติกและอลังการ
สะพานเหล็กสูงเหนือแม่น้ำวะตะราเสะ
หนึ่งในไฮไลท์ของเส้นทางนี้คือการแล่นผ่านสะพานเหล็กที่ทอดยาวเหนือแม่น้ำ ทิวทัศน์ที่มองเห็นจากหน้าต่างรถไฟทำให้รู้สึกเหมือนลอยอยู่กลางหุบเขา
เส้นทางที่เปลี่ยนสีไปตามฤดูกาล
ในฤดูใบไม้ร่วง คุณจะได้เห็นภาพใบไม้ที่ค่อย ๆ ไล่เฉดสีแดง ส้ม เหลืองตัดกับภูเขาสีเขียวเข้ม สร้างเลเยอร์ของสีสันที่งดงามเหมือนภาพพิมพ์ญี่ปุ่นโบราณ
สถานีรถไฟสไตล์เรโทร
แต่ละสถานีของสายนี้ยังคงกลิ่นอายความคลาสสิกของยุคโชวะ เหมาะสำหรับการเดินเล่น ถ่ายภาพ และซึมซับบรรยากาศแบบชนบทญี่ปุ่นแท้ ๆ
ปลายเดือนตุลาคม – กลางพฤศจิกายน
ช่วงนี้คือจุดพีคของใบไม้เปลี่ยนสีในกุนมะ อากาศเย็นสบาย ประมาณ 10–15°C เหมาะสำหรับการนั่งรถไฟชมวิวและลงแวะเดินเล่นตามสถานีเล็ก ๆ
นั่งรถไฟ Open Car
ขบวนบางเที่ยวมีตู้แบบเปิดโล่ง ทำให้คุณสามารถดื่มด่ำกับลมเย็นและเสียงธรรมชาติระหว่างทาง
ถ่ายรูปสะพานเหล็กชื่อดัง
สะพานหลักบนเส้นทางเป็นจุดถ่ายภาพที่ต้องห้ามพลาด โดยเฉพาะเวลารถไฟแล่นผ่านพร้อมฉากหลังเป็นป่าใบไม้แดง
แช่ออนเซ็นใกล้เส้นทาง
มีออนเซ็นท้องถิ่นหลายแห่ง เช่น Kurohone Onsen ให้คุณลงแวะพักและแช่เท้าหลังจากนั่งรถไฟ
คามะเมชิ (釜めし)
ข้าวอบหม้อดินที่เสิร์ฟพร้อมผักและปลาแม่น้ำรสชาติละมุน เป็นเมนูขึ้นชื่อที่หลายร้านริมสถานีมีให้บริการ
มันหวานย่าง
ช่วงฤดูใบไม้ร่วง มันหวานย่างหอม ๆ เป็นของทานเล่นยอดฮิต เหมาะกับอากาศเย็น
ซุปโทโจรุ
ซุปมิโซะร้อน ๆ ใส่รากบัวและผักตามฤดูกาล ช่วยเพิ่มความอบอุ่นหลังการเดินทาง
สะพานเหล็กสูงกลางหุบเขา
แม่น้ำวะตะราเสะที่คดเคี้ยวท่ามกลางป่าใบไม้เปลี่ยนสี
ตู้รถไฟสีส้มแดงที่ตัดกับวิวธรรมชาติ
สถานีรถไฟไม้เล็ก ๆ พร้อมป้ายชื่อสไตล์โบราณ
จองที่นั่งล่วงหน้า โดยเฉพาะตู้แบบ Panorama หรือ Open Car เพราะเต็มเร็วในฤดูใบไม้ร่วง
พกเสื้อกันหนาวแบบบาง ๆ หรือแจ็คเก็ตลม เนื่องจากอุณหภูมิลดลงเมื่อเข้าใกล้ภูเขา
เผื่อเวลาแวะระหว่างทาง เพราะหลายสถานีมีร้านขายของฝากและวิวสวย ๆ ให้ถ่ายรูป
เพราะมันไม่ใช่แค่การนั่งรถไฟ แต่มันคือการเดินทางที่ผสมผสาน ความงามของธรรมชาติในฤดูใบไม้ร่วง + วิถีชีวิตชนบทญี่ปุ่น + ความคลาสสิกของรถไฟเรโทร ที่คุณหาจากที่ไหนไม่ได้
PHOTO CREDIT : การท่องเที่ยวญี่ปุ่น-JNTO
รถไฟขบวนเล็กที่พาคุณลัดเลาะหุบเขาลึกแห่งคุโรเบะ วิวสวยจนต้องหยุดหายใจ
ไฮไลท์ช่วงใบไม้เปลี่ยนสี:
ปลายตุลาคม – ต้นพฤศจิกายน สะพานสีแดงตัดกับแม่น้ำสีฟ้าใส
เมนูแนะนำ:
“ซูชิปลาซีบาส” และซาชิมิจากทะเลญี่ปุ่น
หุบเขาคุโรเบะ (Kurobe Gorge) ตั้งอยู่ในจังหวัดโทยามะ เป็นหนึ่งใน จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่งดงามที่สุดของญี่ปุ่น ด้วยวิวหุบเขาลึก แม่น้ำคุโรเบะสีฟ้าใสตัดกับภูเขาที่ปกคลุมด้วยป่าเมเปิ้ลและต้นไม้ใบกว้างหลากสี ทำให้เกิดภาพที่โรแมนติกและยิ่งใหญ่
การเดินทางที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ การนั่งรถไฟสาย Kurobe Gorge Railway ซึ่งเป็นรถไฟท้องถิ่นขนาดเล็กวิ่งเลียบแม่น้ำและข้ามสะพานหลายแห่ง เป็นเส้นทางที่มีชื่อเสียงในหมู่คนรักธรรมชาติ เพราะสามารถชมวิวแบบ 360° โดยไม่มีสิ่งกีดขวาง
จุดเริ่มต้น: สถานี Unazuki Onsen
ปลายทางยอดนิยม: สถานี Keyakidaira
ระยะทาง: ประมาณ 20.1 กิโลเมตร
เวลาในการเดินทาง: ขาเดียวประมาณ 1 ชั่วโมง 20 นาที
รถไฟจะแล่นช้า ๆ ผ่านหุบเขาลึกและสะพานสูง เพื่อให้ผู้โดยสารดื่มด่ำกับวิวเต็มที่ โดยส่วนใหญ่เป็นขบวนแบบเปิดโล่ง (Open Car) ที่ให้ความรู้สึกเหมือนคุณกำลังล่องลอยอยู่กลางธรรมชาติ
ช่วงเวลาที่ดีที่สุด: ปลายตุลาคม – ต้นพฤศจิกายน
สีสันของใบไม้: จากเขียวเริ่มแซมเหลือง ไล่ไปส้ม และแดงสดตัดกับสีฟ้าของแม่น้ำคุโรเบะ
อุณหภูมิ: 8–15°C เย็นสบาย เหมาะกับการแต่งเสื้อโค้ตเบา ๆ หรือเสื้อกันลม
เมื่อรถไฟเคลื่อนที่ผ่านสะพาน เช่น Atobiki Bridge (สะพานแขวนสูงชัน) และ Shin-Yamabiko Bridge คุณจะได้เห็นวิวที่อลังการราวกับภาพวาด ความรู้สึกเหมือนกำลังทะลุโลกแห่งศิลปะธรรมชาติที่มีชีวิต
หนึ่งในจุดถ่ายภาพที่โด่งดังที่สุดของเส้นทาง เห็นแม่น้ำคุโรเบะคดเคี้ยวด้านล่างและภูเขาใบไม้แดงล้อมรอบ
เป็นหนึ่งในเขื่อนที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น วิวของเขื่อนกับภูเขาสีสันในฤดูใบไม้ร่วงสวยจนต้องหยุดมอง
ปลายทางของเส้นทางนี้ รายล้อมด้วยหุบเขาลึกและทางเดินธรรมชาติ มีจุดชมวิวแม่น้ำและสะพานแขวนที่ตื่นเต้นแต่ปลอดภัย
ออนเซ็นกลางธรรมชาติที่ Unazuki Onsen
ก่อนขึ้นรถไฟ ลองแช่ออนเซ็นกลางแจ้งพร้อมวิวภูเขาและแม่น้ำ ให้ร่างกายผ่อนคลาย
เดินป่ารอบ Keyakidaira
มีเส้นทางธรรมชาติระยะสั้นให้เดินชมใบไม้สีแดงทองในมุมมองที่แตกต่างจากบนรถไฟ
พักเรียวกังสไตล์ญี่ปุ่น
พร้อมเสิร์ฟอาหารไคเซกิและเมนูปลาแม่น้ำสดใหม่
Shiroebi (กุ้งขาว) – ของขึ้นชื่อโทยามะ หวานกรอบ
Masu-zushi (ซูชิปลาเทราต์) – เสิร์ฟบนใบไผ่ กลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์
ซอฟต์ครีมรสนมสดโทยามะ – ละมุนและหอมมาก เหมาะเป็นของหวานระหว่างชมวิว
มุมมองจาก Open Car ที่เห็นหุบเขาและสะพานสีแดง
Atobiki Bridge – ถ่ายตอนรถไฟวิ่งกลางสะพาน
จุดชมวิวแม่น้ำคุโรเบะจาก Keyakidaira
จองที่นั่ง Open Car ล่วงหน้า เพื่อได้วิวแบบไม่มีอะไรมาบัง
แต่งกายเป็นชั้น ๆ อุณหภูมิในหุบเขาเย็นกว่าตัวเมือง
เตรียมแบตสำรองและกล้องถ่ายรูป เพราะคุณจะไม่อยากพลาดแม้แต่วิวเดียว
เช็คตารางเวลา: รถไฟวิ่งเฉพาะฤดูใบไม้ผลิถึงใบไม้ร่วง (เมษายน–ปลายพฤศจิกายน) และหยุดให้บริการช่วงฤดูหนาว
เพราะที่นี่รวมความยิ่งใหญ่ของหุบเขาลึก ความใสของแม่น้ำ ความโรแมนติกของสะพานและวิว 360° เข้าไว้ด้วยกัน ประสบการณ์การนั่งรถไฟกลางธรรมชาติพร้อมสีสันของใบไม้แดงทำให้เส้นทางนี้เป็น จุดหมายในฝันสำหรับคนรัก Autumn Japan อย่างแท้จริง
PHOTO CREDIT : การท่องเที่ยวญี่ปุ่น – JNTO
นั่งรถไฟโรแมนติกชมวิวหุบเขาโฮซุ สุดคลาสสิกในเกียวโต
ไฮไลท์ช่วงใบไม้เปลี่ยนสี:
กลางถึงปลายพฤศจิกายน ต้นเมเปิ้ลแดงเรียงรายสองฝั่งแม่น้ำ
เมนูแนะนำ:
“ยัตสึฮาชิ” ขนมญี่ปุ่นดั้งเดิมของเกียวโต
สัมผัสประสบการณ์การเดินทางสุดโรแมนติกที่ เกียวโต (Kyoto) ในฤดูใบไม้เปลี่ยนสี กับรถไฟสาย Sagano Romantic Train หรือที่เรียกกันว่า “รถไฟสายโรแมนติกแห่งอาราชิยามะ” ขบวนรถไฟที่วิ่งเลียบหุบเขา โฮซุกาวะ (Hozugawa) ผ่านวิวแม่น้ำ ทิวเขา และป่าไม้ที่เปลี่ยนสีเป็นแดง ส้ม เหลืองสวยตระการตา ทำให้เส้นทางนี้กลายเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คสำคัญที่ต้องมาเยือนให้ได้ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงของญี่ปุ่น
วิวใบไม้เปลี่ยนสีที่อลังการ
เส้นทางของรถไฟสายนี้ยาวเพียง 7.3 กิโลเมตร แต่ทุกช่วงเต็มไปด้วยทิวทัศน์ที่สวยงาม โดยเฉพาะใบไม้ที่ไล่เฉดสีตั้งแต่เหลืองทองไปจนถึงแดงเข้ม ตัดกับสีเขียวของป่าสนและสีฟ้าของสายน้ำ สร้างภาพที่โรแมนติกเหมือนภาพวาด
เส้นทางเลียบแม่น้ำโฮซุกาวะ
ไฮไลท์คือการมองเห็นสายน้ำที่ไหลเลียบไปกับภูเขาและป่าไม้ ทำให้บรรยากาศสดชื่น และถ่ายภาพออกมาสวยงามแบบไม่มีมุมไหนเสีย
บรรยากาศย้อนยุคบนขบวนรถไฟ
ขบวนรถไฟดีไซน์สไตล์เรโทร เพิ่มความคลาสสิกให้นักท่องเที่ยวได้ฟีลย้อนยุค พร้อมเบาะไม้และช่องหน้าต่างกว้างที่ทำให้ชมวิวได้เต็มตา
สถานีโทโรคโคะซะกะโนะ (Torokko Saga Station)
จุดเริ่มต้นของการเดินทาง เชื่อมกับรถไฟ JR ได้สะดวก
สะพานข้ามแม่น้ำโฮซุกาวะ
ช่วงนี้เป็นจุดที่นักถ่ายภาพนิยมมาก เพราะสามารถเห็นโค้งน้ำและใบไม้หลากสี
สถานีคาเมโอกะ (Kameoka Station)
ปลายทางที่มีทุ่งนาและภูเขาล้อมรอบ บรรยากาศสงบเหมาะสำหรับการพักผ่อน
เลือกนั่งฝั่งแม่น้ำ
ขบวนจะมีสองฝั่ง แนะนำให้นั่งฝั่งที่ติดแม่น้ำโฮซุกาวะ เพื่อเก็บวิวสวยแบบเต็มตา
เลือกโบกี้เปิดโล่ง (The Rich Car)
สำหรับคนที่ต้องการสัมผัสลมธรรมชาติและถ่ายรูปแบบไร้กระจกกั้น
แม้ในรถไฟสายนี้จะไม่ได้มีบริการอาหารเต็มรูปแบบ แต่สามารถแวะทานที่อาราชิยามะก่อนหรือหลังนั่งรถไฟได้
ขนมโยะจิยะ (Yojiya Cafe) – เมนูมัทฉะลาเต้และขนมหวานสุดน่ารัก
โซบะร้อนรสกลมกล่อม – อร่อยสุดเมื่อทานในอากาศเย็นช่วงใบไม้เปลี่ยนสี
มันจูและขนมพื้นเมือง – มีขายตามร้านค้าแถบสถานี อร่อยและเหมาะสำหรับเป็นของฝาก
กลางถึงปลายเดือนพฤศจิกายน คือช่วงพีคที่ใบไม้เปลี่ยนสีเต็มที่ แนะนำให้จองตั๋วล่วงหน้าเพราะเป็นช่วงที่คนแน่นมาก
ล่องเรือโฮซุกาวะ (Hozugawa River Boat Ride)
หลังจากลงรถไฟ สามารถต่อด้วยการล่องเรือชมวิวหุบเขาในมุมมองที่ต่างออกไป
เดินเล่นย่านอาราชิยามะ
แวะชมป่าไผ่และสะพานโทเก็ตสึเคียว (Togetsukyo Bridge) สัญลักษณ์ของเกียวโต
นักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสความโรแมนติกของฤดูใบไม้เปลี่ยนสีในเกียวโตแบบเต็มอิ่ม เหมาะทั้งคู่รัก ครอบครัว และนักท่องเที่ยวสายถ่ายรูป
PHOTO CREDIT : การท่องเที่ยวญี่ปุ่น – JNTO
สัมผัสการเดินทางสุดหรูพร้อมอาหารท้องถิ่นบนรถไฟหรูแห่งชิโกะคุ
ไฮไลท์ช่วงใบไม้เปลี่ยนสี:
วิวภูเขาและทุ่งนาในคางาวะ ช่วงใบไม้เปลี่ยนสีตัดกับท้องฟ้าใส
เมนูแนะนำ:
“ซานูกิอุด้ง” เมนูดังของคางาวะ
สัมผัสเสน่ห์แห่งเกาะชิโกะคุในบรรยากาศสุดเอ็กซ์คลูซีฟบนรถไฟหรูที่เต็มไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม พร้อมวิวภูเขา แม่น้ำ และใบไม้เปลี่ยนสีสุดตระการตาในฤดูใบไม้ร่วง รถไฟสายนี้ไม่เพียงเป็นพาหนะ แต่เป็น “ประสบการณ์” ที่ผสมผสานความงดงามของธรรมชาติ อาหารชั้นเลิศ และงานศิลป์ท้องถิ่นไว้อย่างลงตัว
ชื่อที่มีความหมายลึกซึ้ง
“Sennen Monogatari” แปลว่า “ตำนานพันปี” สื่อถึงเส้นทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่รถไฟวิ่งผ่านกลางเกาะชิโกะคุ
ดีไซน์รถไฟสุดหรู
ภายในตกแต่งอย่างหรูหราแบบญี่ปุ่นร่วมสมัย ใช้ไม้เป็นวัสดุหลัก เน้นความอบอุ่นและกลิ่นอายดั้งเดิม ผสมผสานลวดลายที่ได้รับแรงบันดาลใจจากภูเขาและแม่น้ำของชิโกะคุ
ประสบการณ์ระดับพรีเมียม
เส้นทางยาวประมาณ 85 กิโลเมตร เชื่อมระหว่าง ทาดะสึ (Tadotsu) – โอบาเกะ (Oboke) – คอตสึโนะ (Kotohira) โดยใช้เวลาเดินทางราว 3 ชั่วโมง เต็มไปด้วยวิวที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดเส้นทาง
แม่น้ำโยชิโนะ (Yoshino River)
จุดที่ต้องตะลึง! แม่น้ำสายสำคัญของชิโกะคุที่ล้อมรอบด้วยภูเขาใบไม้แดง-ส้มสะพรั่ง โดยเฉพาะโค้งแม่น้ำที่มองจากหน้าต่างรถไฟ ให้ภาพเหมือนโปสการ์ด
หุบเขาโอบาเกะ (Oboke Gorge)
ช่วงที่ตัดผ่านหุบเขาแคบและลึก น้ำสีเขียวมรกตตัดกับสีแดงของเมเปิล และสีทองของต้นแปะก๊วย บรรยากาศเหมือนหลุดไปอีกโลก
ทุ่งนาและหมู่บ้านญี่ปุ่นโบราณ
ในบางช่วงจะผ่านหมู่บ้านเก่าและทุ่งนาแบบเรียบง่าย แทรกด้วยต้นไม้ที่ไล่เฉดสีอย่างลงตัว เหมาะสำหรับคนที่ชื่นชอบวิถีชนบท
หนึ่งในจุดขายของ Shikoku Mannaka คือ อาหารสุดพรีเมียมที่จัดเสิร์ฟบนรถไฟ
คอร์สอาหารไคเซกิ (Kaiseki Ryori)
เสิร์ฟโดยใช้วัตถุดิบท้องถิ่นตามฤดูกาล เช่น ปลาน้ำจืดจากแม่น้ำโยชิโนะ เนื้อคุณภาพจากชิโกะคุ และผักสดที่หอมหวาน
ของหวานและชาเขียวพรีเมียม
เสิร์ฟพร้อมภาชนะสวยงามแบบงานศิลป์ช่างฝีมือท้องถิ่น
เครื่องดื่มและสาเกท้องถิ่น
สำหรับคนที่ต้องการสัมผัสรสชาติแท้ของชิโกะคุ
ห้องโดยสารตกแต่งหรูหราด้วยโทนไม้และผ้าทอมือ
หน้าต่างขนาดใหญ่เพื่อให้ชมวิวแบบพาโนรามา
บริการระดับโรงแรม พร้อมพนักงานใส่ชุดกิโมโน ให้ความรู้สึกต้อนรับแบบญี่ปุ่นแท้
ปลายตุลาคม – ปลายพฤศจิกายน
เป็นช่วงที่ใบไม้เปลี่ยนสีเต็มที่ โดยเฉพาะกลางเดือนพฤศจิกายนจะเป็นจุดพีค ใบเมเปิลและแปะก๊วยจะมีสีสดตัดกับน้ำและหินในหุบเขา
จองล่วงหน้าอย่างน้อย 1-2 เดือน เนื่องจากเป็นรถไฟหรู มีที่นั่งจำกัด
เลือกนั่งฝั่งวิวแม่น้ำ เพื่อเก็บภาพโอบาเกะและแม่น้ำโยชิโนะ
แต่งกายสุภาพและสวยงาม เพราะการนั่งรถไฟนี้เป็นเหมือนดินเนอร์สุดพิเศษบนราง
นักท่องเที่ยวที่ต้องการประสบการณ์หรูหรา
คู่รักที่มองหาทริปโรแมนติก
สายชิมอาหารไคเซกิและสัมผัสวัฒนธรรมท้องถิ่น
การนั่ง รถไฟชมใบไม้เปลี่ยนสี ญี่ปุ่น คือประสบการณ์ที่ผสมผสานธรรมชาติและความโรแมนติกได้อย่างลงตัว เลือกสักหนึ่งใน 5 เส้นทางนี้ แล้วคุณจะหลงรักฤดูใบไม้ร่วงของญี่ปุ่นอย่างแน่นอน