Contact Us On 02 676 3303 contact@pkgjourney.com

เที่ยวจอร์เจีย 7 เมืองมหัศจรรย์ ที่จะทำให้คุณตกหลุมรัก

เที่ยวจอร์เจีย 7 เมืองมหัศจรรย์   🗾 เมืองเหล่านี้จึงถูกเรียกว่า “เมืองมหัศจรรย์” เนื่องจากมีทั้งความสวยงามทางธรรมชาติและประวัติศาสตร์ที่หลากหลาย พร้อมทั้งยังคงรักษาความเป็นเอกลักษณ์ของจอร์เจียไว้อย่างดีค่ะ

1. ทบิลิซี่ (Tbilisi)

เมืองหลวงของจอร์เจียที่มีทั้งความทันสมัยและความเก่าแก่ผสมผสานกันอย่างลงตัว เมืองนี้มีความงามทางสถาปัตยกรรมจากยุคโบราณที่สร้างขึ้นในหุบเขาริมแม่น้ำ Mtkvari และมีสถานที่สำคัญที่น่าสนใจ เช่น ปราสาท Narikala, โบสถ์ Sameba และสะพานกระจกที่ทันสมัย “Bridge of Peace” นอกจากนี้ยังมีบ่อน้ำแร่ร้อนที่ขึ้นชื่อในบริเวณ Abanotubani ซึ่งทำให้ทบิลิซี่มีเสน่ห์และเป็นที่เที่ยวที่ต้องมา

คลิ๊กเพื่ออ่านเพิ่มเติม

ทบิลิซี่ (Tbilisi) เป็นเมืองหลวงที่เต็มไปด้วยความหลากหลายทั้งในแง่ของสถาปัตยกรรมและวัฒนธรรม เมืองนี้ตั้งอยู่ในหุบเขาริมแม่น้ำ Mtkvari ซึ่งทำให้ทิวทัศน์ของเมืองดูสวยงามและมีเสน่ห์ โดยรอบๆ เมืองยังมีภูเขาที่โอบล้อมอยู่ ทำให้ทบิลิซี่มีวิวที่งดงามตามธรรมชาติ เมืองนี้มีทั้งส่วนที่เก่าแก่ซึ่งมีการสถาปนาในยุคโบราณและความทันสมัยที่มีอาคารสูงและเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาผสมผสานอย่างลงตัว

ถนนและตรอกซอกซอยในทบิลิซี่นั้นมีความหลากหลาย ทั้งถนนสายเก่าแก่ที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยโบราณไปจนถึงถนนที่มีร้านค้าและคาเฟ่ทันสมัยที่สะท้อนความเปลี่ยนแปลงในปัจจุบันของเมืองนี้ ทบิลิซี่ยังเป็นเมืองที่ผสมผสานหลากหลายวัฒนธรรม ทั้งยุโรปและเอเชีย ที่สะท้อนออกมาในอาหาร ศิลปะ และวิถีชีวิตประจำวัน

ปราสาท Narikala: ปราสาท Narikala เป็นหนึ่งในสถานที่สำคัญของทบิลิซี่ ตั้งอยู่บนเนินเขาเหนือเมือง เป็นป้อมปราการที่มีอายุหลายร้อยปี โดยมีวิวที่สวยงามของเมืองทบิลิซี่และแม่น้ำ Mtkvari ปราสาทนี้ถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 4 และได้รับการขยายและปรับปรุงในช่วงต่างๆ ของประวัติศาสตร์ แต่ที่น่าสนใจคือการผสมผสานของสถาปัตยกรรมที่มาจากหลายยุคหลายสมัย ทำให้มันมีความสวยงามและมีเสน่ห์แบบที่ไม่เหมือนใคร

โบสถ์ Sameba (Holy Trinity Cathedral of Tbilisi): โบสถ์ Sameba เป็นโบสถ์ใหญ่ที่สุดในจอร์เจียและหนึ่งในโบสถ์ที่สูงที่สุดในโลก โดยมีความสูง 84 เมตร และความงดงามของสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมแบบยุโรปและจอร์เจีย ภายในโบสถ์มีการตกแต่งอย่างหรูหราด้วยภาพจิตรกรรมฝาผนังและเครื่องประดับต่างๆ ซึ่งโบสถ์นี้ไม่เพียงแต่เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของความศรัทธาในศาสนาคริสต์ของชาวจอร์เจีย

สะพานกระจก “Bridge of Peace”: สะพานกระจกแห่งนี้เป็นสถาปัตยกรรมที่ทันสมัยที่สุดในทบิลิซี่ และเป็นหนึ่งในจุดเด่นของเมือง สะพานนี้มีการออกแบบที่สวยงามด้วยโครงสร้างที่เป็นกระจกและเหล็ก ทำให้ดูเหมือนสะพานลอยที่มีความใสสะอาดและโปร่งสบาย สามารถเดินข้ามแม่น้ำ Mtkvari และชมทิวทัศน์ของเมืองได้อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในเวลากลางคืน เมื่อสะพานนี้ถูกส่องสว่างด้วยแสงไฟที่ทำให้มันดูงดงามยิ่งขึ้น

บ่อน้ำร้อนบริเวณ Abanotubani เป็นย่านที่มีชื่อเสียงในทบิลิซี่ เนื่องจากมีบ่อน้ำแร่ร้อนที่มีความเป็นเอกลักษณ์และประวัติศาสตร์ยาวนาน น้ำแร่ในบริเวณนี้มีคุณสมบัติในการบำบัดและรักษาโรคต่างๆ ซึ่งได้ชื่อเสียงมาแต่โบราณ ผู้คนมักจะมาแช่น้ำในอ่างที่ทำจากอิฐหรือหินที่มีรูปแบบโบราณ ซึ่งสร้างขึ้นในยุคสมัยของชาวเปอร์เซียและจักรวรรดิจอร์เจีย

บ่อน้ำแร่ร้อนเหล่านี้ยังคงเป็นที่นิยมในปัจจุบัน นักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสบรรยากาศที่ผ่อนคลายและสุขภาพดีจากน้ำแร่ที่มีคุณสมบัติพิเศษ ที่สำคัญคือกลิ่นของน้ำแร่ที่เป็นเอกลักษณ์ ทำให้ที่นี่กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาดในทบิลิซี่ นอกจากนี้ยังมีอาคารสไตล์เปอร์เซียที่สวยงาม เช่น น้ำพุ Sulphur ที่ตั้งอยู่ในย่านนี้ ซึ่งเป็นจุดท่องเที่ยวสำคัญที่นักท่องเที่ยวจะต้องไม่พลาดไปเยือน

2. บาธูมี (Batumi)

เมืองริมทะเลดำที่มีบรรยากาศเหมาะสำหรับการพักผ่อน เพราะมีชายหาดที่สวยงามและสวนสาธารณะขนาดใหญ่ เมืองนี้ยังเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมร่วมสมัยและอาคารสูงทันสมัยที่ผสมผสานกับสถาปัตยกรรมแบบโบราณ เช่น การเดินเล่นที่ถนน Boulevard และการเที่ยวชมสวนดอกไม้ Botanic Garden ที่มีทิวทัศน์สวยงามของทะเลดำ

คลิ๊กเพื่ออ่านเพิ่มเติม

เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ริมทะเลดำในจอร์เจีย ซึ่งมีบรรยากาศที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนอย่างมาก เนื่องจากเมืองนี้มีชายหาดที่สวยงามและน้ำทะเลที่สดใส ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถผ่อนคลายและสนุกกับกิจกรรมริมหาดได้ ไม่ว่าจะเป็นการว่ายน้ำ, การเล่นน้ำ, หรือการนั่งพักผ่อนบนชายหาด ทะเลดำยังมีอากาศที่เย็นสบายในช่วงฤดูร้อนและมีทิวทัศน์ที่งดงาม

นอกจากชายหาดแล้ว บาธูมียังมีสวนสาธารณะขนาดใหญ่และพื้นที่กลางเมืองที่ทำให้ผู้มาเยือนสามารถเดินเล่นหรือปั่นจักรยานไปตามถนนที่มีต้นไม้ร่มรื่นได้ รวมถึงการทานอาหารอร่อยๆ ริมทะเลในร้านค้าที่มีวิวทะเล สามารถสร้างประสบการณ์ที่ผ่อนคลายและหลีกหนีจากความวุ่นวายของชีวิตประจำวันได้อย่างดีเยี่ยม

ถนน Boulevard: ถนน Boulevard ของบาธูมีเป็นถนนที่ทอดยาวไปตามชายหาดทะเลดำ เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวและคนท้องถิ่นในการเดินเล่นหรือขี่จักรยาน ริมถนนเต็มไปด้วยร้านค้า, ร้านกาแฟ, ร้านอาหาร และสถานที่พักผ่อนต่างๆ โดยเฉพาะในช่วงเย็นๆ ที่อากาศเย็นสบาย ผู้คนสามารถเดินเล่นไปตามทางเดินที่มีต้นไม้ใหญ่และชมวิวทะเลที่สวยงาม นอกจากนี้ยังมีสระน้ำและพื้นที่สวนที่สร้างบรรยากาศร่มรื่น

สวนดอกไม้ Botanic Garden: สวนพฤกษศาสตร์แห่งบาธูมี (Batumi Botanical Garden) เป็นสวนที่มีความหลากหลายของพืชพันธุ์จากทั่วโลก ตั้งอยู่บนเนินเขาที่มองเห็นทะเลดำ สวนแห่งนี้เต็มไปด้วยพืชพันธุ์จากทั้งเขตอบอุ่นและเขตหนาว และมีการจัดเรียงพืชพรรณอย่างสวยงาม ผู้เยี่ยมชมสามารถเดินชมสวนได้ในบรรยากาศที่เงียบสงบ พร้อมทั้งสัมผัสกับธรรมชาติที่เขียวขจีและทิวทัศน์ที่งดงามของทะเลดำจากมุมสูง สวนนี้เป็นที่พักผ่อนที่ยอดเยี่ยมสำหรับการหลีกหนีจากความวุ่นวายและสัมผัสกับความงามทางธรรมชาติของเมืองบาธูมี

 3. คาซเบกี้ (Kazbegi)

เมืองในภูเขาที่มีทิวทัศน์ที่น่าทึ่งโดยเฉพาะกับการมองเห็นภูเขาคอเคซัสที่สูงที่สุดคือ Mount Kazbek ที่โดดเด่น เมืองนี้ยังมีอาราม Gergeti Trinity ที่ตั้งอยู่บนยอดเขาซึ่งสามารถมองเห็นวิวที่สวยงามได้จากที่ไกล สถานที่แห่งนี้เป็นจุดท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวจำนวนมากต้องการมาเยือนเพื่อสัมผัสธรรมชาติที่สวยงามและบริสุทธิ์

คลิ๊กเพื่ออ่านเพิ่มเติม

เทศกาลกระท่อมหิมะที่ ยุนิชิกะวะ อนเซ็น (Yunishigawa Onsen Kamakura Festival) เป็นหนึ่งในเทศกาลฤดูหนาวที่มีเอกลักษณ์และโรแมนติกที่สุดในจังหวัดโทชิงิ (Tochigi) ประเทศญี่ปุ่น เทศกาลนี้จัดขึ้นในหมู่บ้านน้ำพุร้อนยุนิชิกะวะ ซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางภูเขาและธรรมชาติอันงดงาม โดยเทศกาลนี้โดดเด่นด้วย “คามาคุระ” (กระท่อมหิมะ) และการตกแต่งแสงไฟที่สร้างบรรยากาศสุดพิเศษในยามค่ำคืน


รายละเอียดของเทศกาล

1. กระท่อมหิมะ (Kamakura)

  • กระท่อมหิมะในเทศกาลนี้มีหลายขนาด ตั้งแต่กระท่อมเล็กสำหรับตกแต่ง ไปจนถึงกระท่อมขนาดใหญ่ที่สามารถเข้าไปนั่งเล่นหรือรับประทานอาหารได้
  • ภายในกระท่อมหิมะขนาดใหญ่ นักท่องเที่ยวสามารถลิ้มลองอาหารท้องถิ่น เช่น หม้อไฟ (Nabe) ที่เสิร์ฟในบรรยากาศอบอุ่น

2. การประดับไฟ (Illumination)

  • ในช่วงเย็น กระท่อมหิมะขนาดเล็กหลายร้อยหลังจะถูกจุดด้วยแสงเทียนหรือแสงไฟ LED สร้างบรรยากาศโรแมนติกและเงียบสงบ
  • บริเวณริมแม่น้ำยุนิชิกะวะจะเต็มไปด้วยกระท่อมหิมะขนาดเล็กเรียงราย มีแสงไฟสะท้อนบนพื้นหิมะและผิวน้ำ

3. กิจกรรมในเทศกาล

  • การสร้างคามาคุระ: นักท่องเที่ยวสามารถลองสร้างกระท่อมหิมะด้วยตนเอง โดยมีเจ้าหน้าที่ให้คำแนะนำ
  • การเลื่อนหิมะ (Snow Sledding): มีกิจกรรมเลื่อนหิมะสำหรับเด็กและผู้ใหญ่ สนุกสนานในพื้นที่ที่จัดไว้เฉพาะ
  • การถ่ายภาพและสำรวจพื้นที่: เดินชมและถ่ายภาพกระท่อมหิมะท่ามกลางหิมะขาวที่ส่องสว่างในยามค่ำคืน

4. อาหารและเครื่องดื่มท้องถิ่น

  • อาหารหม้อไฟ (Hotpot): เสิร์ฟในกระท่อมหิมะใหญ่ สร้างประสบการณ์การรับประทานอาหารในบรรยากาศที่ไม่เหมือนใคร
  • ขนมและเครื่องดื่มร้อน: เช่น โมจิย่าง ชาเขียวร้อน และสาเกร้อน

5. ช่วงเวลาจัดงาน

  • ช่วงเวลาจัดเทศกาล: โดยทั่วไปจะเริ่มตั้งแต่ปลายเดือนมกราคมถึงต้นเดือนมีนาคม ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศในแต่ละปี
  • เวลาแนะนำในการเข้าชม:
    • กลางวัน: เพลิดเพลินกับการสร้างคามาคุระและกิจกรรมกลางแจ้ง
    • กลางคืน: ชมการประดับไฟในบรรยากาศโรแมนติก

6. การเดินทาง

  • จากสถานี Kinugawa Onsen สามารถนั่งรถบัสที่ให้บริการไปยัง Yunishigawa Onsen ใช้เวลาประมาณ 40 นาที
  • สำหรับผู้เดินทางจากโตเกียว สามารถใช้รถไฟสายโทบุ (Tobu Railway) หรือ JR ผ่านสถานี Nikko หรือ Kinugawa Onsen

เคล็ดลับสำหรับการเข้าร่วมเทศกาล

  1. เตรียมเสื้อผ้า: ใส่เสื้อผ้าหนาและอุ่น เช่น เสื้อโค้ท ถุงมือ หมวก และรองเท้ากันลื่น
  2. กล้องถ่ายรูป: อย่าลืมนำกล้องหรือสมาร์ทโฟนเพื่อเก็บภาพความงดงามของแสงไฟและหิมะ
  3. จองกิจกรรมล่วงหน้า: หากต้องการนั่งรับประทานอาหารในกระท่อมหิมะ ควรทำการจองล่วงหน้า

สิ่งที่ทำให้เทศกาลนี้พิเศษ

เทศกาลกระท่อมหิมะที่ยุนิชิกะวะ อนเซ็น ผสมผสานความงามของธรรมชาติและวัฒนธรรมดั้งเดิมของญี่ปุ่นได้อย่างลงตัว สร้างความทรงจำที่อบอุ่นและน่าประทับใจท่ามกลางฤดูหนาวที่งดงาม 🌨️❄️

4. มิทสเคต้า (Mtskheta)

เมืองเก่าแก่ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และศาสนา เป็นเมืองที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกของยูเนสโก เมืองนี้เป็นที่ตั้งของวัด Svetitskhoveli และอาราม Jvari ซึ่งถือเป็นสถานที่สำคัญในประวัติศาสตร์ศาสนาคริสต์ของจอร์เจีย การเดินเที่ยวในเมืองนี้เหมือนการย้อนเวลาไปในอดีต และบรรยากาศโดยรอบยังคงมีเสน่ห์แบบดั้งเดิม

คลิ๊กเพื่ออ่านเพิ่มเติม

สตรอเบอร์รี่พันธุ์โทะจิโอะโทะเมะ (Tochiotome) เป็นพันธุ์สตรอเบอร์รี่ที่มีชื่อเสียงที่สุดของจังหวัดโทชิงิ (Tochigi) และเป็นหนึ่งในพันธุ์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในญี่ปุ่น พันธุ์นี้ถูกพัฒนาขึ้นครั้งแรกในปี 1996 โดยถือเป็นผลผลิตทางการเกษตรที่สร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัดในฐานะ “ดินแดนแห่งสตรอเบอร์รี่”


จุดเด่นของสตรอเบอร์รี่พันธุ์โทะจิโอะโทะเมะ

1. รสชาติที่เป็นเอกลักษณ์

  • มีความสมดุลระหว่างความหวานและความเปรี้ยว ทำให้รสชาติกลมกล่อม
  • ความหวานมีระดับเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 10-11 องศาบริกซ์ ซึ่งสูงพอที่จะให้รสชาติหวานหอมโดยธรรมชาติ

2. ลักษณะภายนอก

  • ผลมีสีแดงสดและเปล่งปลั่ง ผิวเรียบเนียน มีความเงางาม
  • ขนาดผลอยู่ในระดับกลางถึงใหญ่ ทรงกลมมนและเรียวเล็กน้อยที่ปลาย

3. กลิ่นหอม

  • มีกลิ่นหอมที่สดชื่นและโดดเด่น เป็นเอกลักษณ์ของพันธุ์โทะจิโอะโทะเมะ

กระบวนการปลูกและคุณภาพ

  • สภาพภูมิอากาศในโทชิงิ: ด้วยภูมิประเทศที่เหมาะสมและอากาศที่เย็นในฤดูหนาว โทชิงิเป็นพื้นที่ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการปลูกสตรอเบอร์รี่
  • การควบคุมการเพาะปลูก: เกษตรกรในโทชิงิใช้เทคนิคการปลูกแบบสมัยใหม่ เช่น การปลูกในเรือนกระจกเพื่อควบคุมอุณหภูมิและความชื้น
  • ความใส่ใจในคุณภาพ: เกษตรกรให้ความสำคัญกับการเก็บเกี่ยวในช่วงที่สตรอเบอร์รี่มีรสชาติดีที่สุด

วิธีการบริโภค

  • สด: นิยมรับประทานสดเพื่อสัมผัสรสชาติที่แท้จริงของความหวานและความเปรี้ยว
  • ขนมหวาน: ใช้ทำของหวาน เช่น เค้ก พาร์เฟต์ ไอศกรีม และช็อกโกแลต
  • เครื่องดื่ม: นิยมนำมาปั่นเป็นสมูทตี้หรือใช้ตกแต่งเครื่องดื่ม

กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับโทะจิโอะโทะเมะ

  • เก็บสตรอเบอร์รี่สด: นักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมฟาร์มสตรอเบอร์รี่ในโทชิงิเพื่อสัมผัสประสบการณ์เก็บสตรอเบอร์รี่สดๆ จากต้น โดยช่วงที่เหมาะสมที่สุดคือเดือน ธันวาคมถึงพฤษภาคม
  • เทศกาลสตรอเบอร์รี่: จัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองผลผลิตในท้องถิ่น โดยมีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากสตรอเบอร์รี่และกิจกรรมให้ร่วมสนุก

ความสำคัญต่อเศรษฐกิจของโทชิงิ

  • จังหวัดโทชิงิเป็นผู้ผลิตสตรอเบอร์รี่อันดับต้นๆ ของญี่ปุ่น โดยมีสตรอเบอร์รี่พันธุ์โทะจิโอะโทะเมะเป็นตัวชูโรง
  • รายได้จากการจำหน่ายสตรอเบอร์รี่ช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจท้องถิ่นและการท่องเที่ยว

เคล็ดลับการเลือกซื้อโทะจิโอะโทะเมะ

  • เลือกผลที่มีสีแดงสดทั่วทั้งผล ไม่มีจุดด่างดำ
  • ผลที่มีกลิ่นหอมเด่นมักจะมีรสชาติหวานและเข้มข้น

สตรอเบอร์รี่พันธุ์โทะจิโอะโทะเมะไม่เพียงแต่เป็นผลไม้ที่อร่อย แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดโทชิงิที่สะท้อนถึงคุณภาพและความพิถีพิถันของเกษตรกรในพื้นที่อย่างแท้จริง 🍓✨

5. คูไทซี (Kutaisi)

เมืองที่มีมรดกทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ที่สำคัญ เมืองนี้เป็นที่ตั้งของวัด Bagrati และวัด Gelati ที่มีความสวยงามตามแบบฉบับของศิลปะยุคกลาง นอกจากนี้ยังมีถ้ำ Prometheus ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่น่าสนใจ นักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสกับทั้งธรรมชาติและวัฒนธรรมของจอร์เจียได้อย่างเต็มที่

คลิ๊กเพื่ออ่านเพิ่มเติม

สตรอเบอร์รี่พันธุ์โทะจิโอะโทะเมะ (Tochiotome) เป็นพันธุ์สตรอเบอร์รี่ที่มีชื่อเสียงที่สุดของจังหวัดโทชิงิ (Tochigi) และเป็นหนึ่งในพันธุ์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในญี่ปุ่น พันธุ์นี้ถูกพัฒนาขึ้นครั้งแรกในปี 1996 โดยถือเป็นผลผลิตทางการเกษตรที่สร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัดในฐานะ “ดินแดนแห่งสตรอเบอร์รี่”


จุดเด่นของสตรอเบอร์รี่พันธุ์โทะจิโอะโทะเมะ

1. รสชาติที่เป็นเอกลักษณ์

  • มีความสมดุลระหว่างความหวานและความเปรี้ยว ทำให้รสชาติกลมกล่อม
  • ความหวานมีระดับเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 10-11 องศาบริกซ์ ซึ่งสูงพอที่จะให้รสชาติหวานหอมโดยธรรมชาติ

2. ลักษณะภายนอก

  • ผลมีสีแดงสดและเปล่งปลั่ง ผิวเรียบเนียน มีความเงางาม
  • ขนาดผลอยู่ในระดับกลางถึงใหญ่ ทรงกลมมนและเรียวเล็กน้อยที่ปลาย

3. กลิ่นหอม

  • มีกลิ่นหอมที่สดชื่นและโดดเด่น เป็นเอกลักษณ์ของพันธุ์โทะจิโอะโทะเมะ

กระบวนการปลูกและคุณภาพ

  • สภาพภูมิอากาศในโทชิงิ: ด้วยภูมิประเทศที่เหมาะสมและอากาศที่เย็นในฤดูหนาว โทชิงิเป็นพื้นที่ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการปลูกสตรอเบอร์รี่
  • การควบคุมการเพาะปลูก: เกษตรกรในโทชิงิใช้เทคนิคการปลูกแบบสมัยใหม่ เช่น การปลูกในเรือนกระจกเพื่อควบคุมอุณหภูมิและความชื้น
  • ความใส่ใจในคุณภาพ: เกษตรกรให้ความสำคัญกับการเก็บเกี่ยวในช่วงที่สตรอเบอร์รี่มีรสชาติดีที่สุด

วิธีการบริโภค

  • สด: นิยมรับประทานสดเพื่อสัมผัสรสชาติที่แท้จริงของความหวานและความเปรี้ยว
  • ขนมหวาน: ใช้ทำของหวาน เช่น เค้ก พาร์เฟต์ ไอศกรีม และช็อกโกแลต
  • เครื่องดื่ม: นิยมนำมาปั่นเป็นสมูทตี้หรือใช้ตกแต่งเครื่องดื่ม

กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับโทะจิโอะโทะเมะ

  • เก็บสตรอเบอร์รี่สด: นักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมฟาร์มสตรอเบอร์รี่ในโทชิงิเพื่อสัมผัสประสบการณ์เก็บสตรอเบอร์รี่สดๆ จากต้น โดยช่วงที่เหมาะสมที่สุดคือเดือน ธันวาคมถึงพฤษภาคม
  • เทศกาลสตรอเบอร์รี่: จัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองผลผลิตในท้องถิ่น โดยมีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากสตรอเบอร์รี่และกิจกรรมให้ร่วมสนุก

ความสำคัญต่อเศรษฐกิจของโทชิงิ

  • จังหวัดโทชิงิเป็นผู้ผลิตสตรอเบอร์รี่อันดับต้นๆ ของญี่ปุ่น โดยมีสตรอเบอร์รี่พันธุ์โทะจิโอะโทะเมะเป็นตัวชูโรง
  • รายได้จากการจำหน่ายสตรอเบอร์รี่ช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจท้องถิ่นและการท่องเที่ยว

เคล็ดลับการเลือกซื้อโทะจิโอะโทะเมะ

  • เลือกผลที่มีสีแดงสดทั่วทั้งผล ไม่มีจุดด่างดำ
  • ผลที่มีกลิ่นหอมเด่นมักจะมีรสชาติหวานและเข้มข้น

สตรอเบอร์รี่พันธุ์โทะจิโอะโทะเมะไม่เพียงแต่เป็นผลไม้ที่อร่อย แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดโทชิงิที่สะท้อนถึงคุณภาพและความพิถีพิถันของเกษตรกรในพื้นที่อย่างแท้จริง 🍓✨

6. ซิกนากี (Sighnaghi)

ซิกนากีถูกเรียกว่า “เมืองแห่งความรัก” ด้วยบรรยากาศโรแมนติกที่มีการตกแต่งอย่างสวยงาม และวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของเทือกเขาคอเคซัส เมืองนี้มีการรักษาสถาปัตยกรรมเก่าแก่ไว้ได้อย่างดี โดยมีกำแพงเมืองและหอคอยที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์ได้ไกล ซิกนากีเป็นเมืองที่มีทั้งความสงบและสวยงาม ทำให้เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับคู่รักหรือผู้ที่ต้องการหลีกหนีจากความวุ่นวาย

คลิ๊กเพื่ออ่านเพิ่มเติม

สตรอเบอร์รี่พันธุ์โทะจิโอะโทะเมะ (Tochiotome) เป็นพันธุ์สตรอเบอร์รี่ที่มีชื่อเสียงที่สุดของจังหวัดโทชิงิ (Tochigi) และเป็นหนึ่งในพันธุ์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในญี่ปุ่น พันธุ์นี้ถูกพัฒนาขึ้นครั้งแรกในปี 1996 โดยถือเป็นผลผลิตทางการเกษตรที่สร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัดในฐานะ “ดินแดนแห่งสตรอเบอร์รี่”


จุดเด่นของสตรอเบอร์รี่พันธุ์โทะจิโอะโทะเมะ

1. รสชาติที่เป็นเอกลักษณ์

  • มีความสมดุลระหว่างความหวานและความเปรี้ยว ทำให้รสชาติกลมกล่อม
  • ความหวานมีระดับเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 10-11 องศาบริกซ์ ซึ่งสูงพอที่จะให้รสชาติหวานหอมโดยธรรมชาติ

2. ลักษณะภายนอก

  • ผลมีสีแดงสดและเปล่งปลั่ง ผิวเรียบเนียน มีความเงางาม
  • ขนาดผลอยู่ในระดับกลางถึงใหญ่ ทรงกลมมนและเรียวเล็กน้อยที่ปลาย

3. กลิ่นหอม

  • มีกลิ่นหอมที่สดชื่นและโดดเด่น เป็นเอกลักษณ์ของพันธุ์โทะจิโอะโทะเมะ

กระบวนการปลูกและคุณภาพ

  • สภาพภูมิอากาศในโทชิงิ: ด้วยภูมิประเทศที่เหมาะสมและอากาศที่เย็นในฤดูหนาว โทชิงิเป็นพื้นที่ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการปลูกสตรอเบอร์รี่
  • การควบคุมการเพาะปลูก: เกษตรกรในโทชิงิใช้เทคนิคการปลูกแบบสมัยใหม่ เช่น การปลูกในเรือนกระจกเพื่อควบคุมอุณหภูมิและความชื้น
  • ความใส่ใจในคุณภาพ: เกษตรกรให้ความสำคัญกับการเก็บเกี่ยวในช่วงที่สตรอเบอร์รี่มีรสชาติดีที่สุด

วิธีการบริโภค

  • สด: นิยมรับประทานสดเพื่อสัมผัสรสชาติที่แท้จริงของความหวานและความเปรี้ยว
  • ขนมหวาน: ใช้ทำของหวาน เช่น เค้ก พาร์เฟต์ ไอศกรีม และช็อกโกแลต
  • เครื่องดื่ม: นิยมนำมาปั่นเป็นสมูทตี้หรือใช้ตกแต่งเครื่องดื่ม

กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับโทะจิโอะโทะเมะ

  • เก็บสตรอเบอร์รี่สด: นักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมฟาร์มสตรอเบอร์รี่ในโทชิงิเพื่อสัมผัสประสบการณ์เก็บสตรอเบอร์รี่สดๆ จากต้น โดยช่วงที่เหมาะสมที่สุดคือเดือน ธันวาคมถึงพฤษภาคม
  • เทศกาลสตรอเบอร์รี่: จัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองผลผลิตในท้องถิ่น โดยมีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากสตรอเบอร์รี่และกิจกรรมให้ร่วมสนุก

ความสำคัญต่อเศรษฐกิจของโทชิงิ

  • จังหวัดโทชิงิเป็นผู้ผลิตสตรอเบอร์รี่อันดับต้นๆ ของญี่ปุ่น โดยมีสตรอเบอร์รี่พันธุ์โทะจิโอะโทะเมะเป็นตัวชูโรง
  • รายได้จากการจำหน่ายสตรอเบอร์รี่ช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจท้องถิ่นและการท่องเที่ยว

เคล็ดลับการเลือกซื้อโทะจิโอะโทะเมะ

  • เลือกผลที่มีสีแดงสดทั่วทั้งผล ไม่มีจุดด่างดำ
  • ผลที่มีกลิ่นหอมเด่นมักจะมีรสชาติหวานและเข้มข้น

สตรอเบอร์รี่พันธุ์โทะจิโอะโทะเมะไม่เพียงแต่เป็นผลไม้ที่อร่อย แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดโทชิงิที่สะท้อนถึงคุณภาพและความพิถีพิถันของเกษตรกรในพื้นที่อย่างแท้จริง 🍓✨

7. บอร์จอมิ (Borjomi)

บอร์จอมิเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในเรื่องน้ำแร่ธรรมชาติที่มีคุณสมบัติช่วยรักษาสุขภาพ นอกจากน้ำแร่แล้ว เมืองนี้ยังมีป่าไม้และอุทยานที่สวยงาม เช่น Borjomi-Kharagauli National Park ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สามารถทำกิจกรรมเดินป่าและการชมสัตว์ป่าได้ เมืองนี้เหมาะสำหรับผู้ที่รักธรรมชาติและต้องการผ่อนคลายจากชีวิตเมือง

คลิ๊กเพื่ออ่านเพิ่มเติม

สตรอเบอร์รี่พันธุ์โทะจิโอะโทะเมะ (Tochiotome) เป็นพันธุ์สตรอเบอร์รี่ที่มีชื่อเสียงที่สุดของจังหวัดโทชิงิ (Tochigi) และเป็นหนึ่งในพันธุ์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในญี่ปุ่น พันธุ์นี้ถูกพัฒนาขึ้นครั้งแรกในปี 1996 โดยถือเป็นผลผลิตทางการเกษตรที่สร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัดในฐานะ “ดินแดนแห่งสตรอเบอร์รี่”


จุดเด่นของสตรอเบอร์รี่พันธุ์โทะจิโอะโทะเมะ

1. รสชาติที่เป็นเอกลักษณ์

  • มีความสมดุลระหว่างความหวานและความเปรี้ยว ทำให้รสชาติกลมกล่อม
  • ความหวานมีระดับเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 10-11 องศาบริกซ์ ซึ่งสูงพอที่จะให้รสชาติหวานหอมโดยธรรมชาติ

2. ลักษณะภายนอก

  • ผลมีสีแดงสดและเปล่งปลั่ง ผิวเรียบเนียน มีความเงางาม
  • ขนาดผลอยู่ในระดับกลางถึงใหญ่ ทรงกลมมนและเรียวเล็กน้อยที่ปลาย

3. กลิ่นหอม

  • มีกลิ่นหอมที่สดชื่นและโดดเด่น เป็นเอกลักษณ์ของพันธุ์โทะจิโอะโทะเมะ

กระบวนการปลูกและคุณภาพ

  • สภาพภูมิอากาศในโทชิงิ: ด้วยภูมิประเทศที่เหมาะสมและอากาศที่เย็นในฤดูหนาว โทชิงิเป็นพื้นที่ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการปลูกสตรอเบอร์รี่
  • การควบคุมการเพาะปลูก: เกษตรกรในโทชิงิใช้เทคนิคการปลูกแบบสมัยใหม่ เช่น การปลูกในเรือนกระจกเพื่อควบคุมอุณหภูมิและความชื้น
  • ความใส่ใจในคุณภาพ: เกษตรกรให้ความสำคัญกับการเก็บเกี่ยวในช่วงที่สตรอเบอร์รี่มีรสชาติดีที่สุด

วิธีการบริโภค

  • สด: นิยมรับประทานสดเพื่อสัมผัสรสชาติที่แท้จริงของความหวานและความเปรี้ยว
  • ขนมหวาน: ใช้ทำของหวาน เช่น เค้ก พาร์เฟต์ ไอศกรีม และช็อกโกแลต
  • เครื่องดื่ม: นิยมนำมาปั่นเป็นสมูทตี้หรือใช้ตกแต่งเครื่องดื่ม

กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับโทะจิโอะโทะเมะ

  • เก็บสตรอเบอร์รี่สด: นักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมฟาร์มสตรอเบอร์รี่ในโทชิงิเพื่อสัมผัสประสบการณ์เก็บสตรอเบอร์รี่สดๆ จากต้น โดยช่วงที่เหมาะสมที่สุดคือเดือน ธันวาคมถึงพฤษภาคม
  • เทศกาลสตรอเบอร์รี่: จัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองผลผลิตในท้องถิ่น โดยมีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากสตรอเบอร์รี่และกิจกรรมให้ร่วมสนุก

ความสำคัญต่อเศรษฐกิจของโทชิงิ

  • จังหวัดโทชิงิเป็นผู้ผลิตสตรอเบอร์รี่อันดับต้นๆ ของญี่ปุ่น โดยมีสตรอเบอร์รี่พันธุ์โทะจิโอะโทะเมะเป็นตัวชูโรง
  • รายได้จากการจำหน่ายสตรอเบอร์รี่ช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจท้องถิ่นและการท่องเที่ยว

เคล็ดลับการเลือกซื้อโทะจิโอะโทะเมะ

  • เลือกผลที่มีสีแดงสดทั่วทั้งผล ไม่มีจุดด่างดำ
  • ผลที่มีกลิ่นหอมเด่นมักจะมีรสชาติหวานและเข้มข้น

สตรอเบอร์รี่พันธุ์โทะจิโอะโทะเมะไม่เพียงแต่เป็นผลไม้ที่อร่อย แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดโทชิงิที่สะท้อนถึงคุณภาพและความพิถีพิถันของเกษตรกรในพื้นที่อย่างแท้จริง 🍓✨

รวมแพ็คเกจทัวร์เส้นทางทั่วโลก

Like Us On Facebook

Facebook Pagelike Widget