Contact Us On 02 676 3303 contact@pkgjourney.com

EUROPE TOUR FRANCE SWITZERLAND ITALY

Eastern Europe Tours

Europe Tours - Northern Light

Europe Tours - Tulip Festival

Europe Tours - Grand Europe

Europe Tours - Europe Festivals

ทัวร์ยุโรป | เที่ยว 3 ประเทศไอคอนนิกแห่งยุโรป

ฝรั่งเศส 🇫🇷  อิตาลี 🇮🇹   สวิตเซอร์แลนด์ 🇨🇭 

ตัวอย่างเส้นทาง ทัวร์ยุโรป

ฝรั่งเศส🇫🇷  อิตาลี 🇮🇹   สวิตเซอร์แลนด์ 🇨🇭 

PKG JOURNEY ประสบการณ์มากกว่า 40ปี พร้อมพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจ | ตัวแทนTOYOTA Rent a Car อย่างเป็นทางการ | Japan Tourism Top Agent Award | Mie Prefecture Tourism Ambassador

EUROPE TOUR FRANCE SWITZERLAND ITALY

Eastern Europe Tours

Europe Tours - Northern Light

Europe Tours - Tulip Festival

Europe Tours - Grand Europe

Europe Tours - Europe Festivals

เดือน มกราคม ในฤดูหนาว

 เดือน กุมภาพันธ์ ในฤดูหนาวทัวร์ญี่ปุ่น เดือน มีนาคม MARCH - SPRING JAPAN TOURSทัวร์ยุโรป เดือนเมษายน ฤดูใบไม้ผลิ - Japan tours April Spring Season เดือนพฤษภาคม ฤดูใบไม้ผลิ เดือนมิถุนายน ฤดุูร้อน เดือนสิงหาคม ฤดูร้อน เดือนกันยายน ฤดูใบไม้เปลี่ยนสี เดือนตุลาคม ฤดูใบไม้เปลี่ยนสี เดือนพฤศจิกายน ฤดูใบไม้เปลี่ยนสีเดือนธันวาคม ฤดูหนาว

 

ทัวร์ยุโรป | เที่ยว 3 ประเทศไอคอนนิกแห่งยุโรป

ฝรั่งเศส 🇫🇷  อิตาลี 🇮🇹   สวิตเซอร์แลนด์ 🇨🇭 

ตัวอย่างเส้นทาง ทัวร์ยุโรป

ฝรั่งเศส 🇫🇷  อิตาลี 🇮🇹   สวิตเซอร์แลนด์ 🇨🇭 

PKG JOURNEY ประสบการณ์มากกว่า 40ปี พร้อมพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจ | ตัวแทนTOYOTA Rent a Car อย่างเป็นทางการ | Japan Tourism Top Agent Award | Mie Prefecture Tourism Ambassador

แลนด์มาร์ค ที่เที่ยวยอดนิยม - ฝรั่งเศส

หอไอเฟล (Eiffel Tower)

เชื่อว่าหลายคนคงเดาได้อยู่แล้ว ว่าอันดับแรกในลิสท์ยังไงก็ต้องเป็น หอไอเฟล ที่เรียกได้ว่าเป็นเสมือนสัญลักษณ์สำคัญของฝรั่งเศสเลย สร้างขึ้นในปี 1889 เพื่อต้อนรับแขกที่มาเที่ยวงาน World’s Fair ในปีนั้นนั่นเอง นับเป็นสิ่งปลูกสร้างที่มีความสูงมากที่สุดในประเทศ ใครที่อยากขึ้นไปชมวิวสามารถเสียค่าเข้าชมเพื่อขึ้นไปได้ จะได้เห็นทิวทัศน์ปารีสแบบมุมสูง ที่มีด้านหน้าเป็นสวน และด้านหลังที่เป็นฝั่งแม่น้ำแซน (Seine River)

 

มหาวิหารมงแซ็งมิเชล (Mont Saint Michel)

มหาวิหารมงแซ็งมิเชล อยู่ในแคว้นนอร์มังดี (Normandy) เป็นจุดศูนย์รวมความศรัทธาในคริสต์ศาสนามาตั้งแต่ศตวรรษที่ 8 ได้รับการยกย่องจาก UNESCO ให้เป็นหนึ่งในมรดกโลกในปี 1979 เป็นปราสาทที่ตั้งอยู่บนเกาะขนาดเล็ก มีถนนเชื่อมระหว่างเกาะ และแผ่นดิน มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาอย่างคับคั่งเฉลี่ยต่อปีถึง 2.5 ล้านคน! และที่สำคัญยังเป็น 1 ในต้นแบบปราสาทของดิสนีย์ด้วย

 

เมืองแรนส์ (Rennes)

แรนส์ เป็นเมืองทางตะวันออกของแคว้นบริททานี (Brittany) ที่เคยได้รับรางวัลให้เป็นเมืองที่น่าอยู่ที่สุดในประเทศฝรั่งเศสด้วย ที่นี่โดดเด่นด้วยอาคารบ้านเรือนแบบยุคเรเนซองส์ หรือสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยา มีตึกสวยๆ น่ารักๆ ให้ชมมากมาย และยังเป็นเมืองที่ตั้งของมหาวิทยาลัยที่ใหญ่เป็นอันดับ 8 ของประเทศด้วย 

 

มหาวิหารซาเคร-เกอร์ บาซิลิก้า (Basilica of the Sacred Coeur)

ซาเคร-เกอร์ บาซิลิก้า วิหารสีขาวในคริสตจักรโรมันคาทอลิก ตั้งอยู่บนยอดเขาที่สูงที่สุดของกรุงปารีส ความพิเศษอยู่ที่สถาปัตยกรรมแบบโรมัน-ไบแซนไทน์ เลยทำให้ที่นี่มีเอกลักษณ์แตกต่างจากวิหารอื่นๆ ในยุคเดียวกัน และยังเป็นจุดชมวิวเมืองปารีสที่สวยที่สุดอีกจุดหนึ่ง

 

โกตดาซูร์ (Côte d’Azur) หรือ เฟรนช์ ริเวียร่า (French Riviera)

โกตดาซูร์ เป็นชื่อเรียกแนวชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนทางมุมตะวันออกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส ลากยาวรวมไปถึงโมนาโก เป็นสถานที่พักตากอากาศยอดนิยมที่มีรีสอร์ทมากมาย มีน้ำทะเลสวย หาดทรายสีขาว  และมีแดดดีตลอดทั้งปี ทำให้ผู้คนนิยมเดินทางมาอาบแดดกันที่นี่ โดยเมืองที่ใหญ่ที่สุดของโกตดาซูร์ คือเมืองนิส

 

มหาวิหารน็อทร์-ดามแห่งปารีส (The Cathedral Notre Dame de Paris)

มหาวิหารแบบโกธิคที่ตั้งอยู่คู่เมืองปารีสมากว่า 850 ปีแล้ว เป็นดั่งศูนย์รวมศรัทธาต่อศาสนาคริสต์ที่สำคัญของเมืองปารีส คำว่า Notre Dame แปลว่า แม่พระ (Our Lady) ซึ่งเป็นคำที่ชาวคาทอลิกใช้เรียกพระนางมารีย์ แม้จะเคยเกิดเหตุเพลิงไหม้ครั้งใหญ่ในปีค.ศ. 2019 แต่ก็ได้รับการรบูรณะซ่อมแซมครั้งใหญ่จนกลับมาสวยงามดังเดิม

 

พระราชวังแวร์ซายส์ (Palace of Versailles)

พระราชวังแวร์ซาย (Château de Versailles) ที่โด่งดังด้วยความยิ่งใหญ่ หรูหราตระการตา อลังการทั้งภายนอกภายใน มีห้องหับอยู่มากมายถึง 700 ห้อง พร้อมจิตรกรรม และประติมากรรมประดับตกแต่งด้วยหินอ่อน และวัสดุที่ดีเยี่ยม พระราชวังแวร์ซายได้รับจดทะเบียนให้เป็นมรดกโลก ในปี 1979

 

กอลมาร์ (Colmar)

เมืองกอลมาร์ เป็นเมืองหลวงของจังหวัดโอ-แร็ง ในแคว้นอาลซัส เป็น 1 ในเมืองที่ขึ้นชื่อว่าสามารถอนุรักษ์เมืองให้ยังคงลักษณะสถาปัตยกรรม และบรรยากาศของเมืองโบราณได้เป็นอย่างดี และยังมีอีกสมญานามว่า ลิตเติ้ลเวนิสแห่งฝรั่งเศส ด้วย เพราะเมืองยังคงมีคลองตัดผ่าน สามารถล่องเรือชมเมืองได้ทั่ว ด้วยบรรยากาศโรแมนติกนี้เองจึงทำให้นิยมมีคู่รักมาจัดงานแต่งกันที่นี่ และของขึ้นชื่ออีกอย่างที่ห้ามพลาดของที่นี่ก็คือ ไวน์ เพราะเป็นแหล่งปลูกองุ่นใหญ่ของแคว้นอาลซัสนั่นเอง

 

เส้นทางสายลาเวนเดอร์ (Sault Lavender Road)

ใครที่อยากไปวิ่งเล่นในทุ่งลาเวนเดอร์ของจริง ต้องไม่พลาดเส้นทางสายลาเวนเดอร์ ที่เมือง Sault ซึ่งเป็นเมืองที่อยู่ในแคว้นโพรวองซ์ (Provence) แคว้นที่เต็มไปด้วยทุ่งดอกลาเวนเดอร์สีม่วงมากมาย และงดงามราวกับภาพวาดสีน้ำมัน ทุ่งลาเวนเดอร์ที่นี่ยังไม่ได้เอาไว้ถ่ายรูปเท่านั้น แต่ยังเอาไปทำผลิตภัณฑ์จากลาเวนเดอร์ ไม่ว่าจะเป็นสบู่ ครีมอาบน้ำ น้ำมันหอมระเหย ลิปสติก เทียนหอมกลิ่นลาเวนเดอร์ต่างๆ 

 

 

แลนด์มาร์ค ที่เที่ยวยอดนิยม - สวิตเซอร์แลนด์

ยอดเขาจุงเฟรา (Jungfrau)

เรามาเริ่มกันที่เมืองแรกกันเลย เมืองอินเทอร์ลาเคน (Interlaken) ที่มียอดเขาจุงเฟรา (Jungfrau) เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตที่สุดในประเทศ สวิสเซอร์แลนด์ ที่โดนขนานนามว่าเป็น Top of Europe ซึ่งมีสถานีรถไฟที่สูงที่สุดในทวีปยุโรปและเป็นยอดเขาที่มีจุดชมวิวที่สูงที่สุดในยุโรปเช่นกัน มีถ้ำน้ำแข็งที่แกะสลักไว้อย่างสวยงามอยู่ใต้ธารน้ำแข็ง 30 เมตร โดยไม่เคยละลายอีกด้วย นอกจากนี้ยอดเขาจุงเฟรา (Jungfrau) ยังมีอากาศที่หนาวเย็นตลอดทั้งปี ใครอยากไปสัมผัสหิมะสีขาวๆ ก็เตรียมเสื้อโค้ทกันหนาวได้เลย~ แต่อย่าลืมจอง ทัวร์จุงเฟรายอร์ค (Jungfraujoch) เต็มวัน จากอินเทอร์ลาเคน ที่ Klook กันนะ ทุกคนจะได้ไม่พลาดโอกาสในการเที่ยวอย่างสนุกสนาน  
 

ทะเลสาบเบรียนซ์ (Lake Brienz)

ยังคงอยู่กันที่เมืองอินเทอร์ลาเคน (Interlaken) โดยสถานที่ เที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ แห่งนี้ คือ ทะเลสาบเบรียนซ์ (Lake Brienz) เป็นทะเลสาบสีฟ้าใส ที่รายล้อมไปด้วยทิวทัศน์ของภูเขาและหมู่บ้านเล็กๆ เป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวที่ทุกคนจะได้สัมผัสธรรมชาติสวยๆ และที่ทะเลสาบเบรียนซ์  (Lake Brienz) มีกิจกรรมล่องเรือเที่ยวในทะเลสาบอีกด้วย ใครอยากสัมผัสธรรมชาติแบบใกล้ชิด ได้เห็นผืนนำ้ทะเลสาบอย่างชัดเจน แอบกระซิบว่าใครที่เป็นคอซีรีส์เกาหลีเรื่อง Crash Landing on You คงจะจำฉากที่สหายผู้กอง นั่งเล่นเปียโนอยู่ริมทะเลสาบได้ และแน่นอนมันคือทะเลสาบแห่งนี้เลย ต้องไม่พลาดแล้วละ ทุกคนต้องลิสต์ทะเลสาบเบรียนซ์ (Lake Brienz) เป็นหนึ่งในที่ เที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ อย่างแน่นอน
 

ยอดเขาแมทเธอร์ฮอร์น (Matternhorn)

ทุกคนอาจจะคุ้นหน้าคุ้นตากับยอดเขาแมทเธอร์ฮอร์น (Matternhorn) เพราะเป็นต้นแบบของโลโก้ช็อกโกแลต Toblerone และบริษัทผลิตภาพยนตร์ Paramount Pictures เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งยอดเขาไฮไลท์ที่ทุกคนควรไปพิชิต แถมยังสวยงามไม่แพ้ยอดเขาจุงเฟราเลย ซึ่งยอดเขาแมทเธอร์ฮอร์น (Matternhorn) ตั้งอยู่บนแนวของเทือกเขาแอลป์บริเวณพรมแดนระหว่างประเทศ สวิสเซอร์แลนด์ กับประเทศอิตาลี โดยจุดที่สามารถชมยอดเขาแมทเธอร์ฮอร์น (Matternhorn) ได้สวยที่สุดก็อยู่ที่เมืองเซอร์แมท (Zermatt) นั่นเอง ยิ่งไปกว่านั้นยังถูกจัดให้ เป็นยอดเขาที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของโลกด้วย 
 

สะพานไม้ชาเปล (Chapel Bridge)

สะพานไม้ชาเปล (Chapel Bridge) เป็นสะพานไม้เก่าแก่ที่มีประวัติมายาวนานที่สุดของโลก อายุเป็นร้อยๆ ปี มีสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น คลาสสิค เป็นมุงหลังคาทอดยาวข้ามแม่น้ำรอยส์ ซึ่งมีความยาว 204 เมตร เรียกได้ว่าเป็นแลนด์มาร์กสำคัญของเมืองลูเซิร์น (Luzern) ประเทศ สวิสเซอร์แลนด์ เลย ใครที่มา เที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ ควรมาเที่ยวที่เมืองนี้อย่างมาก เพราะได้พบกับสัญลักษณ์ที่สำคัญทางประวัติศาสตร์และเมื่อเดินบนสะพานไม้ชาเปล (Chapel Bridge) ก็จะสามารถชื่นชมวิวเมืองที่สวยงามจากกลางนำ้และวิวด้านหลังเมืองเป็นเทือกเขา ทำให้สะพานไม้ชาเปล (Chapel Bridge) จึงเป็นจุดที่เหมาะมาก สำหรับการชมทัศนียภาพอันงดงามของเมืองลูเซิร์น (Luzern)
 

ลินเดนฮอฟ (Lindenhof)

ย้ายเมืองกันต่อ พาทุกคนไปเที่ยวมาเดินเที่ยวที่ย่านเมืองเก่าของเมืองซูริค (Zurich) กันบ้าง ทุกคนก็จะเจอกับจุดชมวิวที่สามารถชมวิวเมืองซูริค (Zurich) ในมุมสูงได้อย่างสวยงาม นั่นก็คือ ลินเดนฮอฟ (Lindenhof) เป็นสวนสาธารณะที่ตั้งอยู่บนเนินเขา เรียกได้ว่าเป็นสถานที่พักผ่อน นั่งกิน ลม ชมวิว ถ่ายรูปกันได้อย่างเต็มที่ และได้เห็นความสวยงามของสถาปัตยกรรมที่มีความวินเทจ น่ามองและน่าค้นหา ใครอยากมา เที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ แบบสโลวไลฟ์ ไม่วุ่นวาย เงียบสงบ ต้องมาแวะเที่ยวที่ลินเดนฮอฟ (Lindenhof) แล้วละ
 

โบสถ์ฟรอมุนสเตอร์ (Fraumunster Church)

อีกหนึ่งสถานที่เที่ยวในเมืองซูริค (Zurich) คือโบสถ์ฟรอมุนสเตอร์ (Fraumünster) ที่ตั้งตระหง่านอยู่ริมแม่น้ำลิมมัต เป็นโบสถ์ที่เก่าแก่และก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 853 โดยโบสถ์ฟรอมุนสเตอร์ (Fraumünster) ประดับด้วยกระจกสีรอบโบสถ์ ทำให้เป็นจุดเด่นและความงดงามของโบสถ์แห่งนี้ ซึ่งเป็นผลงานของศิลปินเลื่องชื่อในอดีต มาร์ค ชากัลล์ (Marc Chagall) ซึ่งโบสถ์ฟรอมุนสเตอร์ (Fraumünster) สามารถเยี่ยมชมได้ฟรี ไม่มีค่าเข้าชม ข้อสำคัญที่ควรรู้เกี่ยวโบสถ์ฟรอมุนสเตอร์ (Fraumünster) คือ ไม่อนุญาตให้ถ่ายรูปด้านใน แต่สามารถซื้อโปสการ์ดเป็นที่ระลึกได้ ใครที่มา เที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ แล้วไปเมืองซูริค (Zurich) ก็จะเห็นโบสถ์หลังคาสีฟ้าเด่นมาแต่ไกลเลย 
 
 

หอนาฬิกาดาราศาสตร์ (Zytglogge Clock Tower)

หอนาฬิกาดาราศาสตร์ หรือ หอระฆังซิทกล็อด เป็นแลนด์มาร์กประจำเมืองเบิร์น (Bern) ใน ประเทศ สวิสเซอร์แลนด์ เลย เป็นหอนาฬิกายักษ์ใหญ่เก่าแก่ที่สร้างมา ตั้งแต่ปีค.ศ.1530 พูดง่ายๆ ก็คือเกือบๆ 500 ปีแล้ว เป็นสถานที่เช็คอินของนักท่องเที่ยวที่มาเยือนเมืองเบิร์น (Bern) ซึ่งหอนาฬิกาดาราศาสตร์ (Zytglogge Clock Tower) ภายในมีการติดตั้งตุ๊กตา คน สิงโต หมี ให้ออกมาหมุนและมีไก่ออกมาขัน นอกจากนี้ยังมีตัวตลกออกมาเต้นรำไปรอบๆ เป็นจุดไฮไลท์ให้นักท่องเที่ยวได้ชมกันทุกๆ ชั่วโมง  
 

วิหารแห่งเมืองโลซานน์ (Lausanne Cathedral)

ไปกันต่อไม่มีหยุด มาถึงเมืองโลซานน์ (Lausanne) ที่มีมหาวิหารแห่งโลซานน์ หรือชื่อเต็มคือ อาสนวิหารน็อทร์-ดามแห่งโลซานน์ (Cathédrale Notre-Dame de Lausanne) เป็นโบสถ์คริสต์นิกายโปรเตสแตนต์ ประเทศ สวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งวิหารโลซานน์ (Lausanne Cathedral) ตั้งอยู่บนเนินเขา สร้างด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์โกธิค ส่วนด้านในตกแต่งได้วิจิตรสวยงาม และงดงามด้วยกระจกหลากสีสัน ที่สำคัญด้านหลังวิหารเป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวที่ได้รับความนิยม เพื่อมาชมวิวเมืองโลซานน์ (Lausanne) และทะเลสาปเจนีวาอีกด้วย
 

นาฬิกาดอกไม้เจนีวา (The Flower Clock)

สถานที่ เที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ ที่ห้ามพลาด เมื่อมาเที่ยวเมืองเจนีวา (Geneva) ทุกคนจะต้องตราตรึงใจกับนาฬิกาดอกไม้เจนีวา (The Flower Clock) เป็นสัญลักษณ์ของเมืองเจนีวา (Geneva) เลยก็ว่าได้ ตั้งอยู่ในเขตสวนอิงลิชการ์เดน ล้อมรอบไปด้วยดอกไม้สีสันสวยงาม ซึ่งดอกไม้ก็จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามเทศกาลและฤดูกาล และสามารถใช้กระแสไฟฟ้า หรือพลังงานแสงอาทิตย์ได้ ถึงไฟฟ้าจะดับก็ยังสามารถใช้งานได้ นาฬิกาดอกไม้เจนีวา (The Flower Clock) เรียกได้ว่าเป็นสถานที่เที่ยวสำคัญที่บ่งบอกความมีชื่อเสียงของเมืองเจนีวา (Geneva)  ในเรื่องของอุตสาหกรรมนาฬิกาเลย
 

สองยอดเขาที่ต้องไปในสวิตเซอร์แลนด์

ยอดเขาทิตลิส (Mount Titlis)

ยอดเขาทิตลิส (Mount Titlis) อีกหนึ่งยอดเขาที่ใน ประเทศ สวิสเซอร์แลนด์ ที่ต้องไปสักครั้ง อยู่ที่เมืองแองเกิลเบิร์ก (Engelberg) มีความสูงถึง 3,238 เมตร หิมะปกคลุมตลอดทั้งปี เหมาะกับคนที่ชอบเล่นกิจกรรมในหน้าหนาว อย่างการเล่นสกีหรือ ใครจะนั่งกระเช้าห้อยขาสุดชิลเพื่อขึ้นไปบนยอดเขาทิตลิส (Mount Titlis) ก็ได้เป็นการเปิดประสบการณ์ ชมวิวได้แบบ 360 องศา ท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็น และแน่นอนว่าจะไปเที่ยวยอดเขาทิตลิส (Mount Titlis) ทั้งทีก็ต้องไปกับ Klook เพราะ Klook มี ทัวร์ยอดเขาทิตลิส (Mount Titlis) พร้อมนั่งกระเช้าลอยฟ้า เพื่อขึ้นไปชมความงดงามของยอดเขาและสัมผัสหิมะกันเลย 
 

แลนด์มาร์ค ที่เที่ยวยอดนิยม - อิตาลี

 เวนิส (Venice) 

ราชินีแห่งทะเลเอเดรียติกมีที่เที่ยวอิตาลีชื่อดังระดับโลกอย่าง คลองใหญ่แห่งเวนิส ซึ่งคลองสายนี้มีความยาวถึง 3,800 เมตร และกว้าง 30-90 เมตร ไหลผ่านรอบๆ เมือง ซึ่งจะเต็มไปด้วยอาคารบ้านเรือนที่มีสถาปัตยกรรมหลากหลาย ความโดดเด่นดังกล่าว ยังทำให้ยูเนสโกยกย่องให้เป็นมรดกโลก เรือกอนโดลา (Gondola) กันดี เป็นเรือที่มีรูปทรงเป็นเอกลักษณ์ โดยเฉพาะบริเวณหัวเรือกับท้ายเรือที่มีลักษณะปลายแหลม ความยาวอยู่ที่ 4-5 เมตร กว้างประมาณ 1.2 เมตร และสามารถจุผู้โดยสารได้ 5-6 คน เดิมเป็นเรือที่ใช้ในการอพยพผู้คนที่หนีภัยสงครามในสมัยอาณาจักรโรมัน และมาตั้งถิ่นฐานอยู่ที่เวนิส ด้วยความพื้นที่ส่วนใหญ่ของเมืองเป็นคูคลอง และทะเล เรือจึงเป็นยานพาหนะสำคัญในการเดินทางสันจร และการขนส่งของเมือง

 

น้ำพุเทรวี – Fontana di Trevi

น้ำพุแห่งนี้ คือหนึ่งในน้ำพุที่มีชื่อเสียงที่สุดในทวีปยุโรป และยังเป็นน้ำพุแบบบาโรกที่ใหญ่ที่สุดในกรุงโรม ก่อสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1732 น้ำพุแห่งนี้จะมีความโดดเด่นตรงที่มีการตั้งประติมากรรมโอเชียนัส ซึ่งเป็นเทพเจ้าเนปจูน เทพแห่งน้ำ เอาไว้บริเวณกลางน้ำพุ เพื่อแสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ โดยด้านข้างจะมีไททัน เทพแบบครึ่งคนครึ่งปลา ที่แสดงลักษณะท่าทางแตกต่างกัน 

กิจกรรมยอดนิยมที่ไม่ควรพลาด เมื่อมาที่น้ำพุแห่งนี้ ก็คือการโยนเหรียญอธิษฐาน ซึ่งสามารถใช้เหรียญอะไรก็ได้ แล้วอธิษฐานว่าขอให้ได้กลับมาที่กรุงโรมอีกครั้ง ก่อนที่จะหันหลังเพื่อโยนเหรียญข้ามไหล่ซ้าย เข้าไปยังบริเวณน้ำพุ ถ้าหากเหรียญหล่นไปใต้น้ำพุ แสดงว่าคุณจะมีโอกาสได้กลับมาที่กรุงโรมอีกครั้ง กลายเป็นความเชื่อและธรรมเนียมปฏิบัติที่นักท่องเที่ยวอิตาลี จะต้องทำกัน โดยเหรียญจำนวนมหาศาลที่นักท่องเที่ยวที่มาเยือนอิตาลีโยนเข้ามานั้น จะถูกนำไปบริจาคช่วยบำรุงดูแลซุปเปอร์มาร์เก็ตสำหรับผู้ยากไร้ในกรุงโรม

 

โคลอสเซียม – Colosseum

ที่เที่ยวอิตาลีแห่งนี้ ถือเป็นหนึ่งใน 7 สิ่งมหัศจรรย์แห่งโลกยุคใหม่ โดยมีลักษณะเป็นสนามกีฬาโบราณขนาดใหญ่ ถูกสร้างขึ้นในช่วงจักรวรรดิโรมัน โดยจักรพรรดิเวสเปเชี่ยน มีลักษณะเด่นอยู่ที่อัฒจันทร์รูปวงกลม ที่สามารถจุคนได้มากถึง 50,000 คน จนได้ชื่อว่าเป็นสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ที่สุดที่เคยมีการสร้าขึ้นในสมัยโรมัน แม้ว่าจุดประสงค์ในการใช้งาน เมื่อสมัยอดีต จะมีไว้เพื่อประลองฝีมือของเหล่ากลาดิเอเตอร์ รวมไปถึงการประลองของนักโทษประหารชีวิตหรือคุมขัง กับสัตว์ป่าที่มีนิสัยดุร้ายต่างๆ แต่ในปัจจุบันได้กลายเป็นสัญลักษณ์ต่อต้านการประหารชีวิต ซึ่งจะมีการส่องไฟสีเหลืองถ้าหากมีการยกเลิกโทษประหารชีวิตจากประเทศต่างๆ ในโลก 

การจะเข้าไปเที่ยวชมในโคลอสเซียม จะต้องซื้อตั๋วเข้าไปด้านใน หากใครที่มาเที่ยวอิตาลีด้วยตัวเอง ไม่ได้อาศัยไกด์นำเที่ยวก็ไม่ต้องกังวล เพราะที่นี่ก็ยังมีบริการให้เช่าอุปกรณ์บรรยายเสียงเกี่ยวกับรายละเอียดต่างๆ ด้านในโคลอสเซียม และถ้าหากคุณเข้าไปเยี่ยมชมด้านในก็อย่าพลาดชม Hypogeum ซึ่งเป็นชั้นใต้ดินเอาไว้เก็บตัวนักประลองในสมัยโบราณ 

 

มหาวิหารเซ็นต์ปีเตอร์ – St. Peter’s Basilica

มหาวิหารเซ็นต์ปีเตอร์ หรือชื่อเต็มว่า มหาวิหาร เซ็นต์ ปีเตอร์ส บาซิลิกา ถือเป็นหนึ่งใน 4 ของมหาวิหารเอก ตั้งอยู่ในเขตรัฐวาติกัน และเป็นสิ่งก่อสร้างที่ใหญ่ที่สุดในรัฐวาติกัน อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของคริสตจักรโรมันคาทอลิก สร้างขึ้นในสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 4 ในรูปแบบบาซิลิกา 

มหาวิหารแห่งนี้ยังมีอีกชื่อว่า มหาวิหาร นักบุญเปโตร เนื่องจากเชื่อว่า เป็นที่ฝังร่างของนักบุญเปโตร ผู้ซึ่งเป็นบิชอปองค์แรก ของคริสตจักร และต่อมาได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นพระสันตะปาปา องค์แรกของกรุงโรม ทำให้ต่อมาวิหารแห่งนี้ยังเป็นที่ฝังร่างของพระสันตะปาปาองค์ถัดๆ มา โดยฝังมากกว่า 91 องค์ นักท่องเที่ยวจึงมักจะนิยมแวะมาสักการะนักบุญเปโตร และยังเยี่ยมชมในบริเวณ จัตุรัสเซ็นต์ปีเตอร์ ซึ่งเป็นลานวงกลมขนาดใหญ่ ล้อมรอบด้วยเสาหินใหญ่หลายสิบต้น หากคุณต้องการไปเยี่ยมชมในวิหาร จะต้องแต่งกายให้สุภาพ เนื่องจากเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์

 

มหาวิหารแพนธีออน – Pantheon

มหาวิหารแห่งนี้ ถือเป็นวิหารที่มีความเก่าแก่ที่สุดในกรุงโรม สร้างขึ้นในช่วง 20 ปี ก่อนคริสต์ศักราช โดยแม่ทัพ  Marcus Agrippa ดังนั้นวิหารแห่งนี้จึงมีอายุเก่าแก่ถึง 2,000 ปีกันเลยทีเดียว จุดเด่นของวิหารแห่งนี้คือ มีรูปทรงจัตุรัส ด้านในนั้นจะเป็นที่ประดิษฐานของเทพเจ้าแห่งกรีก-โรมัน หลายองค์ เพราะจุดประสงค์ในการสร้างมหาวิหารแห่งนี้คือ เพื่อเป็นเทวสถานบูชาเทพเจ้าทั้ง 7 แห่งดาวในระบบสุริยะ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่แปลกใหม่มากๆ ในสมัยอดีต เนื่องจากเป็นการสร้างบูชาเทพเจ้าหลายองค์ 

สถาปัตยกรรมของมหาวิหารแห่งนี้ยังมีความโดดเด่นที่ โดมขนาดใหญ่ด้านใน มีลักษณะเป็นช่องวงกลม (Oculus) หรือที่เรียกกันว่า ช่องตา โดยตั้งอยู่ตรงกลาง เป็นจุดที่แสงจะสาดส่องเข้ามาในวิหาร ดูคล้ายกับดวงตาสวรรค์ที่เชื่อมโยงมนุษย์กับเทพเจ้าเข้าด้วยกัน  ดังนั้นถ้าจะมาเที่ยวที่มหาวิหารแห่งนี้ ก็ควรจะมาช่วงเวลากลางวันเพื่อที่คุณจะได้สัมผัสกับความมหัศจรรย์ของสถาปัตยกรรมภายในได้อย่างเต็มที่

 

มหาวิหารฟลอเรนซ์ – Cathedral of Santa Maria del Fiore

มหาวิหารแห่งนี้ มีอายุเก่าแก่มากกว่า 800 ปี ได้รับการยกย่องให้เป็นมหาวิหารที่มีความสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในอิตาลี อีกทั้งยังมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของอิตาลี และ อันดับที่ 4 ของทวีปยุโรป มีความยาวถึง 153 เมตร และฐานของโดมที่กว้างกว่า 90 เมตร มหาวิหารดังกล่าวถูกสร้างขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 13 และออกแบบโดยฟิลิปโป บรูเนลเลสกี สถาปนิกชื่อดัง มหาวิหารแห่งนี้จะมีไฮไลท์อยู่ที่โดมสีส้มขนาดใหญ่ ตัดกับโครงสร้างอาคารที่เป็นหินอ่อนสีขาว และยังมีการตกแต่งเพิ่มด้วยหินสีเขียวและสีชมพูที่ถูกแกะสลัก ตามรูปแบบของสถาปัตยกรรมสไตล์ Neo Gothic 

ด้านในของมหาวิหารยังมีหน้าต่างที่เป็นกระจกหลายสี อีกทั้งยังมีภาพเขียนผนังที่ชื่อว่า Fresco และห้องใต้ดินอย่าง The Crypt นอกจากนี้โดมของมหาวิหารดังกล่าวยังมีขนาดสูงที่สุดเมื่อ 500 กว่าปีที่แล้ว โดยที่ไม่มีการสร้างคานหรือเสาค้ำ การจะขึ้นไปบนโดมดังกล่าว มหาวิหารแห่งนี้จัดว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของเมืองฟลอเรนซ์ จะต้องเดินขึ้นบันได 463 ขั้น ไม่สามารถอาศัยลิฟต์ได้ สถานที่แห่งนี้ยังจัดเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของเมืองฟลอเรนซ์ ดังนั้นหากคุณต้องการเยี่ยมชม จะต้องแต่งกายให้สุภาพเหมาะสม 

 

มหาวิหารปิซ่า – Duomo di Pisa

ถือเป็นที่เที่ยวอิตาลีที่คุณต้องไม่พลาดถ้าหากมาเยือนอิตาลีเป็นครั้งแรก เพราะที่เที่ยวแห่งนี้ ถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของประเทศอิตาลีกันเลยทีเดียว โดยการมาเที่ยวมหาวิหารปิซ่า จะทำให้คุณได้เยี่ยมชมทั้งมหาวิหารปิซ่า ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมแบบ Romanesque แท้ๆ ซึ่งได้ชื่อว่ามีความสวยงามอลังการ และหอเอนเมืองปิซ่า หนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่หลายคนรู้จัก มหาวิหารปิซ่านั้นได้ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1093 ภายใต้การออกแบของ Buscheto

หอเอนเมืองปิซ่า ถูกสร้างขึ้นด้วยหินอ่อนสีขาว ความน่าสนใจของหอเอนดังกล่าวคือ มีการหยุดสร้างเมื่อสร้างไปได้ 3 ชั้น เนื่องจากเกิดการเอนตัว จากการยุบตัวของดินที่มีความนิ่ม จึงทำให้มีการสร้างให้หนักไปอีกข้างเพื่อให้มีความสมดุล แต่ต้องหยุดชะงักเพราะสงคราม และเมื่อมีการสร้างต่อไปเรื่อยๆ ก็พบว่าตึกดังกล่าวมีการเอียงเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา จนหลายคนให้คำทำนายว่าจะต้องมีการเอนล้มในอนาคต ซึ่งกิจกรรมยอดนิยมที่พลาดไม่ได้ถ้ามาที่นี่ก็คือการถ่ายรูปกับหอเอนปิซ่า แต่ถ้าหากคุณมีเวลาก็อยากให้ลองเข้าไปเยี่ยมชมวิหารด้านในที่มีความงดงาม อลังการ

มหาวิหารเซียนา – Duomo di Siena

มหาวิหารอีกหนึ่งที่ ที่ถ้ามาเที่ยวอิตาลีแล้วควรต้องแวะไปเยี่ยมชม ก็คือ มหาวิหารเซียนา หรือ Duomo Di Siena ซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองเซียนา ถือเป็นหนึ่งในมหาวิหารที่มีชื่อเสียงของนิกายโรมันคาทอลิก มหาวิหารเซียนา ถูกออกแบบและสร้างขึ้นในระหว่างปี ค.ศ 1215 ถึง ค.ศ. 1263 ตั้งอยู่บนฐานวัดเก่า มีแผนผังเป็นแบบกางเขนละติน ที่มีส่วนขวายื่นออกมามากว่าปกติ ด้านนอกและด้านในจะตกแต่งด้วยหินอ่อนขาวสลับเขียวดำ และยังมีการแทรกเพิ่มเติมด้วยหินอ่อนสีชมพู

ประวัติศาสตร์สำคัญของมหาวิหารแห่งนี้คือ มีการประชุมสถาบาทหลวง หรือ Synod เกิดขึ้นที่นี่ จนทำให้มีการเลือกนิโคลัสที่ 2 เป็นพระสันตะปาปา และปลดสมเด็จพระสันตะปาปาเท็จเบเนดิกต์ที่ 10 ออกจากตำแหน่ง หากชื่นชอบประวัติศาสตร์จึงไม่ควรพลาดที่จะไปเยี่ยมชมวิหารนี้

 

มหาวิหารมิลาน – Duomo di Milano

มืองมิลานของอิตาลี นั้นไม่ได้มีดีแค่เป็นเมืองแฟชั่นเพียงอย่างเดียว แต่จริงๆ แล้วมิลานเองก็มีมหาวิหารมิลาน ที่มีความโดดเด่นทางสถาปัตยกรรมแบบ Gothic และถือเป็น มหาวิหารแบบ Gothic ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของโลก มีความสูง 157 เมตรและกว้าง 92 เมตร เริ่มก่อสร้างในปีค.ศ. 1386 โดยจิอาน กาเลอัซโช วิสคอนดิ แห่งตระกูลวิสคอนดิ เพื่อสักการะพระแม่มารีให้ประทานบุตรชายเพื่อเป็นทายาทสืบทอดตระกูล 

มหาวิหารแห่งนี้จะมีความโดดเด่นตรงที่มียอดแหลมอยู่บนหลังคาถึง 135 ยอด จึงทำให้มองดูแล้วมีความวิจิตร ตระการตา และในบริเวณยอดใหญ่ตรงกลาง ยังมีสิ่งที่เรียกว่า Madunina ซึ่งเป็นรูปปั้นแม่พระ ทำด้วยทองสัมฤทธิ์ขนาดใหญ่ กิจกรรมที่นักท่องเที่ยวอิตาลีนิยมทำกันก็คือขึ้นไปชมทัศนียภาพของทั้งเมืองมิลาน