Contact Us On 02 676 3303 contact@pkgjourney.com

SPRING KAMIKOCHI | 6 วัน 4 คืน | JP03-9

0

คลิ๊กที่รูป เพื่อดาวน์โหลดโปรแกรมทัวร์

ทัวร์​ญี่ปุ่นเส้นทาง SPRING KAMIKOCHI | NAGOYA - NAGANO - TAKAYAMA - FUJI - TOKYO

ทัวร์ญี่ปุ่น SPRING KAMIKOCHI 6วัน 4คืน|ราคา 49,900.- / ท่าน

ทัวร์ญี่ปุ่นในช่วงฤดูใบไม้ผลิกับ Kamikochi ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ เป็นการผจญภัยที่ชวนให้คุณร่วมสนุกกับธรรมชาติในแบบที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน ช่วงฤดูใบไม้ผลิที่ Kamikochi เต็มไปด้วยทัศนียภาพที่อยู่ในความงดงามและเงียบสงบของธรรมชาติ คุณจะได้สัมผัสกับความเย็นสบายและความสดชื่นของอากาศฤดูใบไม้ผลิที่มาพร้อมกับการเพลิดเพลินกับการเดินเล่นในวิถีชายฝั่งของแม่น้ำอันงดงาม นอกจากนี้ยังมีเส้นทางเดินเท้าที่สวยงามให้คุณสัมผัสความสุขของการเดินเท้าใต้ท้องตลาดใบไม้และเขาภูเขาที่ราบสูงที่กำแพงเสาวรส ไม่ว่าคุณจะอยู่ในช่วงฤดูใบไม้ผลิหรือไม่ การเยือน Kamikochi เป็นประสบการณ์ที่น่าทึ่งและไม่ควรพลาดสำหรับผู้ที่ต้องการค้นพบความงดงามและความสงบของธรรมชาติในญี่ปุ่น สนุกกับการท่องเที่ยวในฤดูใบไม้ผลิที่ Kamikochi และสร้างความทรงจำที่ยิ่งใหญ่ในการท่องเที่ยวญี่ปุ่นของคุณ!

สนามบินจูบุ (Jūbūn Airport)

เป็นสนามบินที่ตั้งอยู่ในเมืองจูบุ ที่ประเทศญี่ปุ่น สนามบินนี้อยู่ใกล้กับพื้นที่ท่องเที่ยวยอดเยี่ยมอย่างภูเก็ตจูบุ (Mount Jūbūn) ที่มีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามและเป็นที่นิยมในการเดินทางและเดินป่า นอกจากนี้ สนามบินจูบุยังมีบริการท่องเที่ยวทางอากาศแบบโบราณสมัยที่สามารถให้บริการเที่ยวบินเล็กๆ ไปยังจุดหมายต่างๆในภูมิภาคนั้น ถ้าคุณสนใจในการใช้สนามบินนี้เป็นจุดเริ่มต้นของทริปของคุณ

 

เมืองทาคายาม่า | ชิราคาวาโกะ (Shirakawago)

หลังจากที่ผ่านขั้นตอนตรวจเอกสารและปฏิบัติตามขั้นตอนตรวจสอบตรามีการเข้าชมเมืองทาคายามะเพื่อเยี่ยมชมหมู่บ้านชิราคาวาโกะ คุณจะได้พบกับประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นและน่าทึ่งใจในเส้นทางท่องเที่ยวของคุณ หมู่บ้านชิราคาวาโกะเป็นหมู่บ้านที่อยู่ในทะเลสาบออะมาโนะกลางภูเขาทาคายาม่า ที่มีบ้านเรือนและศิลปะสถาปัตยกรรมแบบโรคุเกียวนา เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีความสวยงามและเป็นเอกลักษณ์

ในการเยี่ยมชมหมู่บ้านชิราคาวาโกะ คุณจะได้สัมผัสกับวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของชิราคาวาโกะ คุณสามารถชมบ้านเรือนและสิ่งปลูกสร้างที่สร้างขึ้นโดยวิธีการแบบดั้งเดิม และสำรวจศิลปะสถาปัตยกรรมที่สวยงามของหมู่บ้าน นอกจากนี้คุณยังสามารถสัมผัสกับธรรมชาติที่งดงามของทะเลสาบออะมาโนะและภูเขาทาคายาม่า ซึ่งเป็นที่นิยมในการเดินป่าและเล่นกิจกรรมกลางแจ้ง

หมู่บ้านชิราคาวาโกะมีความสำคัญอย่างไร

หมู่บ้านชิราคาวาโกะ (Shirakawago) เป็นหมู่บ้านที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม มีคุณค่าทางวัฒนธรรมและอากาศอันเป็นเอกลักษณ์ นี่คือเหตุผลที่มีความสำคัญ:

  1. บ้านแบบก้าวหน้าของญี่ปุ่น:หมู่บ้านชิราคาวาโกะเป็นตัวอย่างของบ้านแบบก้าวหน้า (Gassho-zukuri) ซึ่งเป็นรูปแบบบ้านที่มีหลังคาเอียงตั้งอยู่ในมุมที่กว้างขึ้นเพื่อรองรับการตกหน้าฝนหรือหิมะ สถาปัตยกรรมของบ้านแบบก้าวหน้ามีความเป็นเอกลักษณ์และเป็นเอกลักษณ์ของญี่ปุ่น

  2. มรดกทางวัฒนธรรมโลก: หมู่บ้านชิราคาวาโกะได้รับการยกย่องโดยองค์กรยูเนสโก (UNESCO) เป็นมรดกทางวัฒนธรรมโลก เนื่องจากการสืบสานและอนุรักษ์บ้านแบบก้าวหน้าที่สมบูรณ์แบบ หมู่บ้านชิราคาวาโกะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เก็บรักษาและส่งต่อประเพณีและวัฒนธรรมของชาวญี่ปุ่น

  3. ทิวทัศน์ที่งดงาม: หมู่บ้านชิราคาวาโกะตั้งอยู่ในทะเลสาบอิมอะ-กูโช (Shirakawa-go) ซึ่งเป็นพื้นที่ที่แลดูทิวทัศน์ที่งดงามของภูเขา

  1. สถานที่ท่องเที่ยวยอดเยี่ยม: หมู่บ้านชิราคาวาโกะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจและยอดเยี่ยม คุณสามารถสัมผัสวัฒนธรรมและประสบการณ์ที่น่าตื่นตาตื่นใจได้ เช่น การเยี่ยมชมบ้านแบบก้าวหน้าที่เปิดให้เข้าชม การเพลิดเพลินกับการเดินเล่นในสวนชิราคาวาโกะ หรือการสัมผัสกับวิถีชีวิตของชาวบ้าน

  2. อาหารท้องถิ่น: ในหมู่บ้านชิราคาวาโกะ คุณสามารถสัมผัสประสบการณ์รับประทานอาหารท้องถิ่นที่อร่อยและพิเศษ เช่น ซุปมิโซะน้ำดินทราย หรือเส้นอุโบสถ์ชิราคาวาโกะ ซึ่งเป็นเมนูที่เป็นเอกลักษณ์และไม่ควรพลาด

  3. เทศกาลและกิจกรรมท้องถิ่น: หมู่บ้านชิราคาวาโกะจัดงานเทศกาลและกิจกรรมท้องถิ่นต่าง ๆ ในช่วงปี เช่น เทศกาลฤดูใบไม้ร่วงที่มีการจัดแสดงแสงสวยงาม หรือเทศกาลการเผาถ่าน ที่คุณสามารถร่วมสนุกได้และเข้าร่วมกิจกรรมท้องถิ่นที่เต็มไปด้วยความสนุกสนาน

ไปหมู่บ้านชิราคาวาโกะ ช่วงไหนดี

หมู่บ้านชิราคาวาโกะเปิดให้เยี่ยมชมได้ตลอดทั้งปี ดังนั้นคุณสามารถเลือกเดินทางไปในช่วงที่เหมาะสมกับความสะดวกและความชื่นชอบของคุณเอง เช่น ฤดูใบไม้ผลิในที่เกิดขึ้นในช่วงเดือนมีนาคมถึงเมษายน เพื่อเห็นทัศนียภาพของดอกซากุระที่บานอยู่ หรือ ฤดูใบไม้ร่วงในช่วงเดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายน เพื่อเพลิดเพลินกับสีสันสวยงามของใบไม้ร่วง อีกทั้งยังมีเทศกาลและกิจกรรมท้องถิ่นที่จัดขึ้นในหมู่บ้านชิราคาวาโกะ อาจมีการจัดเส้นทางท่องเที่ยวพิเศษในช่วงเวลาที่สนามกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว หรืองานม้าอันดับโลกที่สถานีรถไฟชิราคาวาโกะ ดังนั้นควรตรวจสอบปฏิทินกิจกรรมและสถานการณ์ท้องถิ่นก่อนเดินทางเพื่อที่จะได้ประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการเยี่ยมชมหมู่บ้านชิราคาวาโกะ

 

เดินทางไป หมู่บ้านชิราคาวาโกะ ยังไง

การเดินทางไปยังหมู่บ้านชิราคาวาโกะสามารถทำได้หลายวิธี นี่คือตัวเลือกที่คุณสามารถพิจารณา:

  1. โดยรถไฟ: คุณสามารถนั่งรถไฟ JR Limited Express Wide View Hida จากสถานีนาโกย่า (Nagoya) ถึงสถานีทาคายาม่า (Takayama) ซึ่งใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมงต่อเที่ยวรถไฟ จากนั้นใช้รถบัสสาธารณะเพื่อเดินทางไปยังหมู่บ้านชิราคาวาโกะที่ตั้งอยู่ในทาคายาม่า

  2. โดยรถบัส: มีบริการรถบัสโดยตรงจากนาโกย่า (Nagoya) ไปยังทาคายาม่า (Takayama) ซึ่งใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง หลังจากถึงทาคายาม่า คุณสามารถใช้รถบัสสาธารณะเพื่อเดินทางไปยังหมู่บ้านชิราคาวาโกะ

  3. โดยรถเช่า: หากคุณต้องการความสะดวกและความเสรีในการเดินทาง คุณสามารถเช่ารถส่วนตัวและขับไปยังหมู่บ้านชิราคาวาโกะ การเดินทางด้วยรถเช่าจะใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมงขึ้นอยู่กับเส้นทางและสภาพจราจร

การเลือกวิธีการเดินทางขึ้นอยู่กับความสะดวกและการวางแผนของคุณ คุณอาจต้องพิจารณาเวลาที่ต้องการใช้งาน ค่าใช้จ่าย และความสะดวกสบายในการเดินทาง

 

ย่านเมืองเก่าทาคายาม่า | ซันมาจิ ซูจิ (Sunmachi Suji)

ถูกเรียกว่า “Little Kyoto” เนื่องจากมีลักษณะและบรรยากาศที่คล้ายกับเกียวโต (Kyoto) ซึ่งเป็นเมืองที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของญี่ปุ่น ทั้งสองที่มีบ้านเก่าแบบ Gassho-zukuri (ก้าวหน้าใหญ่) ที่มีหลังคาเอียงตั้ง และเครื่องประดับสถาปัตยกรรมที่สวยงาม เดินเล่นในซันมาจิ ซูจิ คุณจะได้สัมผัสกับบรรยากาศที่เรียบง่ายและเงียบสงบของเมืองเก่า รวมถึงเพลงดนตรีและงานศิลปะท้องถิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของญี่ปุ่น

Sunmachi Suji เป็นย่านทางค้าและชุมชนเก่าแก่ที่ตั้งอยู่ในเมืองเก่าทาคายาม่า (Takayama Old Town) ในจังหวัดกิฟุ ประเทศญี่ปุ่น ที่มีเสน่ห์และเอกลักษณ์เฉพาะตัว นี่คือเหตุผลที่ Sunmachi Suji มีความสำคัญ:

  1. สถาปัตยกรรมเก่าแก่: Sunmachi Suji เต็มไปด้วยบ้านเก่าที่มีสถาปัตยกรรมแบบก้าวหน้าของญี่ปุ่น เรียกว่า Gassho-zukuri ซึ่งมีหลังคาเอียงตั้งอยู่ในมุมที่กว้างขึ้นเพื่อรองรับการตกหน้าฝนหรือหิมะ คุณสามารถเดินเล่นตามทางเดินที่ซับซ้อนของย่านนี้และชื่นชมสถาปัตยกรรมที่ยังคงสร้างสรรค์ไว้มากมาย

  2. ร้านค้าและร้านอาหารท้องถิ่น: Sunmachi Suji เป็นที่รวมร้านค้าและร้านอาหารท้องถิ่นที่น่าสนใจ คุณสามารถเลือกช้อปปิ้งของที่ระลึกหรือสั่งอาหารท้องถิ่นที่อร่อย เช่น ซุปมิโซะ ข้าวต้มเนื้อ หรือขนมญี่ปุ่นต่าง ๆ

  3. บรรยากาศเมืองเก่าทาคายาม่า: เมืองเก่าทาคายาม่ามีบรรยากาศเมืองเก่าเงียบสงบและเป็นเอกลักษณ์ คุณสามารถสัมผัสวิถีชีวิตที่ช้าๆ และน่ารักของชาวบ้าน ได้เมื่อเดินเล่นใน Sunmachi Suji ที่มีบรรยากาศเมืองเก่า

  4. บ้านแบบก้าวหน้าแบบอินาคิ (Innaka Style): Sunmachi Suji เป็นย่านที่เก่าแก่และมีบ้านเก่าแบบก้าวหน้าแบบอินาคิอยู่เยี่ยมชม บ้านแบบนี้มีคุณสมบัติพิเศษที่ถูกกั้นกันด้วยแผ่นไม้ใหญ่เพื่อรองรับการทุบฝนหนักและหิมะ คุณสามารถเดินเล่นอยู่ในย่านที่เต็มไปด้วยบ้านเก่าสไตล์นี้และสัมผัสวัฒนธรรมท้องถิ่นได้อย่างใกล้ชิด

  5. ร้านค้าและร้านอาหารท้องถิ่น: Sunmachi Suji เต็มไปด้วยร้านค้าและร้านอาหารท้องถิ่นที่น่าสนใจ คุณสามารถเลือกช้อปปิ้งของที่ระลึกหรือสั่งอาหารท้องถิ่นอร่อย เช่น ซุปมิโซะ ข้าวต้มเนื้อ หรือขนมญี่ปุ่นต่าง ๆ

  6. สถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ: ในย่าน Sunmachi Suji ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เช่น วัดเซตาคุโคะที่มีพระพุทธรูปขนาดใหญ่ และโตโกยามะ หอรวมเสมียนที่เก็บรวบรวมสถานวัดและวัตถุมงคล

HIDA PLAZA TAKAYAMA HOTEL

โรงแรมระดับ 4 ดาว ซึ่งมีมาตรฐานและบริการที่มีคุณภาพสูง โรงแรมให้บริการที่พักที่มีความสะดวกสบายและสิ่งอำนวยความสะดวกที่คุณคาดหวังในระดับของโรงแรมระดับ 4 ดาว โดยมีบริการทีมงานที่เป็นมืออาชีพและเป็นกันเองเพื่อให้ผู้เข้าพักมีประสบการณ์ที่น่าทึ่งและอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ทันสมัยและสวยงาม รีวิวและความพึงพอใจของผู้เข้าพักในโรงแรมนี้มักเป็นที่น่าพอใจอย่างมาก ซึ่งทำให้ HIDA PLAZA TAKAYAMA HOTEL เป็นทางเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับการพักผ่อนในเมืองทาคายาม่า ในจังหวัดกิฟุ ประเทศญี่ปุ่น โรงแรมนี้มีการตกแต่งแบบโมเดิร์นและมีบริการที่ดีเพื่อให้ผู้เข้าพักมีประสบการณ์ที่สะดวกสบาย ห้องพักมีความสะอาดและมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่คุณจำเป็นอย่างเช่นเครื่องปรับอากาศ โทรทัศน์จอแบน ตู้เย็น และอุปกรณ์ช่วยความสะดวกส่วนตัวอื่น ๆ

ที่เที่ยวใกล้ HIDA PLAZA TAKAYAMA HOTEL

เป็นโรงแรมที่ตั้งอยู่ใกล้กับหลายสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในเมืองทาคายาม่า ดังนี้:

  1. ตลาดเช้าทาคายาม่า (Takayama Morning Market) – เป็นตลาดนัดในเช้าวันที่มีของสดระหว่างทาคายาม่าและอะมาโกะ คุณสามารถเดินไปตลาดเช้านี้และสัมผัสบรรยากาศท้องถิ่นและชิมอาหารท้องถิ่นได้

  2. หอศิลป์เมืองเก่าทาคายาม่า (Takayama Old Town) – เป็นย่านที่มีบ้านเก่าและร้านค้าเก่าโบราณที่มีสถาปัตยกรรมแบบญี่ปุ่นและบรรยากาศที่เรียบง่ายแต่อบอุ่น คุณสามารถเดินเล่นในย่านเมืองเก่านี้เพื่อสัมผัสวัฒนธรรมและสถาปัตยกรรมท้องถิ่นได้

  3. วัดทาคายาม่า (Takayama Jinya) – เป็นวัดที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และเป็นที่รู้จักในการสำรวจวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของเมืองทาคายาม่า

  4. หุบเขาฮิดะ (Hida Mountains) – หากคุณต้องการสัมผัสธรรมชาติที่งดงามและสวยงาม คุณสามารถเดินทางไปยังหุบเขาฮิดะที่ตั้งอยู่ใกล้เคียงและสัมผัสวิวทิวทัศน์ที่ยอดเยี่ยมของภูเขาและธรรมชาติในพื้นที่นี้

  5. หมู่บ้านชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go) – เป็นหมู่บ้านที่มีบ้านแบบชิราคาวาโกะโบราณที่มีความเป็นเอกลักษณ์ คุณสามารถเยือนชิราคาวาโกะเพื่อพบเห็นสถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของบ้านชิราคาวาโกะและสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของพื้นที่นี้ได้

  6. วัดฟุจิิ (Fujiwara) – เป็นวัดที่สร้างขึ้นในสมัยคามาคุระ มีอาคารสวยงามและศิลปะญี่ปุ่นที่น่าทึ่ง คุณสามารถเยี่ยมชมวัดฟุจิิและสัมผัสบรรยากาศศิลปะญี่ปุ่นแบบแท้จริง

  7. มุสกุแฟร์รังค์ (Moss Garden) – เป็นสวนสาธารณะที่เต็มไปด้วยสนามหญ้าชอบกลิ่นหอม มีลักษณะที่อันเป็นเอกลักษณ์และสวยงาม คุณสามารถสัมผัสความสงบและความเป็นธรรมชาติในสวนมุสกุแฟร์รังค์ได้

  8. หุบเขาคอฟุจิ (Mount Kofuji) – เป็นเส้นทางปีนเขาที่ยอดเยี่ยมในเขตฮิดะ คุณสามารถเดินปีนไปยังยอดเขาและสัมผัสวิวทิวทัศน์ที่น่าทึ่งของภูเขาซึ่งเป็นที่รู้จักในฤดูใบไม้ร่วง

  9. หุบเขาทาเกะยาม่า (Mount Takayama) – เป็นหุบเขาที่ตั้งอยู่ใกล้เคียงกับเมืองทาคายาม่า คุณสามารถเดินปีนขึ้นไปยังยอดเขาเพื่อเพลิดเพลินกับวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของเมืองและภูเขาในรอบๆ

  10. อุทยานแห่งชาติชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go National Park) – เป็นอุทยานแห่งชาติที่เป็นที่ตั้งของหมู่บ้านชิราคาวาโกะ คุณสามารถสำรวจและเดินเที่ยวในอุทยานแห่งชาติเพื่อชื่นชมความงดงามและความสงบของธรรมชาติ

  11. มิวเซียมอายเรียลมิวเซียม (Museum Eikando Miyaji) – เป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงศิลปะและวัฒนธรรมญี่ปุ่น คุณสามารถสัมผัสและเรียนรู้เกี่ยวกับศิลปะและประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นในพิพิธภัณฑ์นี้

  12. สวนสาธารณะตาคายาม่า (Takayama Green Park) – เป็นสวนสาธารณะที่มีพื้นที่กว้างขวางและสวยงาม คุณสามารถเดินเล่นในสวนสาธารณะเพื่อพักผ่อนและชื่นชมพื้นที่สีเขียวสวยงาม

    โดยทั้งหมดที่กล่าวมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่อยู่ใกล้ HIDA PLAZA TAKAYAMA HOTEL และคุณสามารถเดินทางไปเยี่ยมชมสถานที่เหล่านี้โดยง่าย

การเดินทางมายัง HIDA PLAZA TAKAYAMA HOTEL สามารถทำได้ดังนี้:

  1. โดยเครื่องบิน: หากคุณเดินทางโดยเครื่องบิน คุณสามารถบินไปยังสนามบินทาคายาม่า (Takayama Airport) หรือสนามบินที่ใกล้เคียงเช่นสนามบินเซ็นทรัลจาปาน จากนั้นคุณสามารถเรียกรถแท็กซี่หรือรถรับส่งจากสนามบินเพื่อเดินทางมายังโรงแรม HIDA PLAZA TAKAYAMA HOTEL ที่ตั้งอยู่ในเมืองทาคายาม่า

  2. โดยรถไฟ: คุณสามารถเดินทางโดยรถไฟไปยังสถานีทาคายาม่า (Takayama Station) ซึ่งเป็นสถานีรถไฟใกล้กับ HIDA PLAZA TAKAYAMA HOTEL จากนั้นคุณสามารถเดินเท้าหรือใช้บริการรถแท็กซี่หรือรถรับส่งจากสถานีไปยังโรงแรม

  3. โดยรถยนต์: หากคุณขับรถส่วนตัวหรือเช่ารถ คุณสามารถนำรถของคุณมายัง HIDA PLAZA TAKAYAMA HOTEL โดยใช้ GPS หรือแผนที่เพื่อนำทางไปยังที่ตั้งของโรงแรม

โดยทั้งหมดนี้คือตัวเลือกในการเดินทางมายัง HIDA PLAZA TAKAYAMA HOTEL และควรพิจารณาตามสภาพการเดินทางและความสะดวกสบายของคุณ

FUJI KAWAGUCHI HOTEL

โรงแรม Fuji Kawaguchi ตั้งอยู่ใกล้ทะเลสาบกาวากุจิ (Lake Kawaguchi) ซึ่งเป็นหนึ่งในทะเลสาบที่ใหญ่และสวยงามที่สุดในภูเขาไฟฟูจิ (Mount Fuji) โรงแรมนี้เสนอห้องพักที่สะดวกสบายและบริการที่ดีตามมาตรฐานระดับสากล

คุณสามารถเพลิดเพลินกับวิวที่สวยงามของภูเขาไฟฟูจิจากโรงแรม รวมถึงมีกิจกรรมท่องเที่ยวอื่นๆ ในพื้นที่ใกล้เคียงที่น่าสนใจ เช่น เที่ยวทะเลสาบกาวากุจิ, เดินป่าญี่ปุ่นและทำกิจกรรมนอกสถานที่อื่นๆ เช่น ล่องเรือบนทะเลสาบ ดำน้ำในทะเลสาบ หรือเล่นกีฬาทางน้ำ

นอกจากนี้ ใกล้โรงแรมยังมีร้านอาหารและร้านค้าท้องถิ่นสำหรับคุณสามารถสัมผัสกับอาหารญี่ปุ่นและซื้อของฝากเป็นของที่ระลึกได้

ดังนั้น การเข้าพักที่โรงแรม Fuji Kawaguchi จะช่วยให้คุณเพลิดเพลินกับทริปเหล่านี้และสนุกสนานกับการเข้าพักในที่พักที่มีความสะดวกสบายอย่างแท้จริงในเมืองที่มีทัศนียภาพที่สวยงามของภูเขาไฟฟูจิ

ใกล้โรงแรม Fuji Kawaguchi มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย ดังนี้:

  1. ทะเลสาบกาวากุจิ (Lake Kawaguchi): สามารถเดินเล่นริมทะเลสาบ จัดกิจกรรมต่างๆ เช่น ล่องเรือ ปั่นจักรยาน หรือเรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมญี่ปุ่นที่พิพิธภัณฑ์ใกล้เคียง

  2. สถานีรถไฟของฟูจิ (Fujiyama Station): มุมมองที่สวยงามของภูเขาไฟฟูจิและทะเลสาบกาวากุจิ สามารถขึ้นเครื่องขยายทัศนียภาพ หรือทำกิจกรรมสำรวจและเพลิดเพลินกับพื้นที่รอบๆ สถานี

  3. หมู่บ้านโคจิเน่ (Kojinsha Village): ชมการแสดงสายงานของชาวโคจิเน่ ซึ่งเป็นชาวบ้านท้องถิ่นที่มีวัฒนธรรมและการแต่งกายเฉพาะตัว

  4. ภูเขาไฟฟูจิ (Mount Fuji): สามารถเดินป่า ขึ้นยอดเขา หรือเพลิดเพลินกับวิวที่สวยงามของภูเขาไฟฟูจิ

  5. พิพิธภัณฑ์การขนส่งด้วยกลไฟ (Fuji Omuro Sengen Shrine): พิพิธภัณฑ์ที่นำเสนอเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และการใช้งานรถไฟแบบกลไฟ

  6. สวนดอกไม้อันทรงเกียรติทาคายาม่า (Takayama Old Town): เป็นย่านเมืองเก่าที่มีบ้านเก่าสวยงามและร้านค้าที่ถูกสร้างขึ้นในสไตล์ญี่ปุ่น

  7. ถนนเมืองกาวากุจิ (Kawaguchiko Music Forest): พิพิธภัณฑ์ดนตรีที่มีสวนดอกไม้และน้ำตก สามารถเพลิดเพลินกับการแสดงดนตรีและนางฟ้าร้องเพลง

  8. ฟาร์มผลไม้ทาคายาม่า (Fruit Picking Takayama): สถานที่เที่ยวที่คุณสามารถเก็บผลไม้สดๆ ได้เอง เช่น สตรอว์เบอร์รี แอปเปิ้ล บลูเบอร์รีส์ และอีกมากมาย

  9. ทาคายาม่าเฟิร์มสวน (Takayama Green Farm): สวนผักอินทรีย์และฟาร์มที่สามารถเรียนรู้เกี่ยวกับการเพาะปลูกผักอินทรีย์และฟาร์มสัตว์

  10. นาโกย่าชาทากุ (Nagoya Castle): ปราสาทโบราณที่มีความสำคัญประวัติศาสตร์ คุณสามารถชมพระอาคารสวยงามและชมวิวที่สวยงามของเมืองนาโกย่าได้

  11. พิพิธภัณฑ์นักปั้นศิลปินฮิดะโนะ (Hida Takayama Museum of Art): พิพิธภัณฑ์ที่แสดงผลงานศิลปะญี่ปุ่นและงานฮิดะโนะ คุณสามารถเพลิดเพลินกับการชมศิลปะและงานประดิษฐ์ที่สวยงามได้

การเดินทางมายังโรงแรม Fuji Kawaguchi จากโตเกียวคุณสามารถใช้รถไฟหรือรถบัสเป็นวิธีการที่สะดวกได้ ดังนี้:

  1. โดยรถไฟ: คุณสามารถนั่งรถไฟ JR Chuo Line จากสถานีโตเกียว (Tokyo Station) ไปยังสถานีโคกิยาม่า (Kawaguchiko Station) ซึ่งเป็นสถานีที่ใกล้กับโรงแรม Fuji Kawaguchi สามารถเดินทางโดยรถไฟเร็วหรือรถไฟโดยสารธรรมดาได้ ต้องใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.5-2 ชั่วโมง จากนั้นให้เดินข้ามสถานีและต่อรถบัสเพื่อไปยังโรงแรม (ระยะทางประมาณ 10 นาที)

  2. โดยรถบัส: คุณสามารถนั่งรถบัสที่สถานีโตเกียว ที่เริ่มต้นจากสถานีบัสฟูจิ (Fujisan Bus Terminal) และเลือกรถบัสที่ไปยังสถานีโคกิยาม่า (Kawaguchiko Station) จากนั้นเดินข้ามสถานีและต่อรถบัสเพื่อไปยังโรงแรม (ระยะทางประมาณ 10 นาที)

กรุณาตรวจสอบตารางเวลารถไฟและรถบัสล่วงหน้าเพื่อแน่ใจว่าเวลาเดินทางถูกต้องและประสบการณ์การเดินทางที่สะดวกสบายขึ้น โดยแนะนำให้ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากสถานีรถไฟหรือสถานีรถบัสก่อนการเดินทาง.

ใกล้กับโรงแรม Fuji Kawaguchi มีร้านอาหารที่มีชื่อเสียงหลายแห่งที่คุณอาจสนใจ. นี่คือร้านอาหารบางส่วนที่คุณอาจต้องพิจารณา:

  1. ร้านอาหาร Arakurayama Sengen Park: ตั้งอยู่ใกล้กับอุทยาน Arakurayama Sengen Park และมีวิวที่สวยงามของภูเขาไฟฟูจิ ร้านนี้เสนออาหารญี่ปุ่นที่อร่อยและมีอากาศเรียบหรู คุณสามารถสัมผัสกับบรรยากาศญี่ปุ่นแท้ๆ และสนุกกับอาหารท้องถิ่นที่นี่ได้.

  2. ร้านอาหาร Saiko Iyashi no Sato NENBA: ตั้งอยู่ในพื้นที่ Saiko Iyashi no Sato NENBA ที่มีบ้านญี่ปุ่นเก่าแก่ที่ถูกสร้างใหม่เป็นร้านค้าและร้านอาหาร คุณสามารถสัมผัสกับวัฒนธรรมและการใช้ชีวิตของคนญี่ปุ่นในอดีตและลิขสิทธิ์เล็กน้อย. ร้านอาหารที่นี่เสนออาหารท้องถิ่นอร่อยๆ เช่น สุกี้, ราเมง, ต้มยำ, และอื่นๆ.

  3. ร้านอาหาร Kawaguchiko Saryo: ร้านนี้ตั้งอยู่ในบริเวณที่มองเห็นภูเขาไฟฟูจิอย่างชัดเจน และมีบรรยากาศที่เงียบสงบ ร้านอาหารเน้นอาหารญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้วัตถุดิบสดใหม่ คุณสามารถสัมผัสกับความอร่อยและความเป็นญี่ปุ่นของอาหารที่นี่

หากคุณต้องการเดินทางจากโรงแรม Fuji Kawaguchi Hotel ไปยังร้านอาหารใกล้เคียง คุณสามารถใช้รถยนต์ส่วนตัวหรือใช้บริการรถแท็กซี่หรือรถเมล์ท้องถิ่นเพื่อเดินทางไปยังสถานที่หมายปลายทางได้. สามารถขอคำแนะนำเพิ่มเติมจากไกด์หรือหัวหน้าทัวร์ สอบถามข้อมูลเส้นทางการเดินทางที่เคาน์เตอร์บริการลูกค้าของโรงแรมได้เช่นกัน พนักงานจะมีความยินดีที่จะช่วยแนะนำเส้นทางและสถานที่ใกล้เคียงที่คุณสนใจได้อีกด้วย

SUNSHINE CITY PRINCE HOTEL

เป็นโรงแรมระดับ 4 ดาว โรงแรมตั้งอยู่ในชั้นสูงของอาคาร Sunshine City ในย่าน Ikebukuro ของโตเกียว โรงแรมนี้เป็นที่เลือกของนักท่องเที่ยวมากมายเนื่องจากมีทั้งความสะดวกสบายและสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียงที่น่าสนใจ

Sunshine City Prince Hotel เป็นโรงแรมหรูหราที่ตั้งอยู่ในย่าน Ikebukuro ของเมืองโตเกียว โรงแรมนี้มีสถานที่ที่ดีที่จะพักอาศัยและให้บริการมากมายในสถานที่เดียวกัน

โรงแรมมีห้องพักที่กว้างขวางและสะดวกสบายที่ออกแบบมาอย่างดีเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้เข้าพัก มีหลายประเภทของห้องให้เลือกตามความต้องการและบริการอาหารและเครื่องดื่มที่ห้องอาหารในโรงแรมก็มีให้บริการ

นอกจากนี้ โรงแรมยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่น่าสนใจอื่น ๆ อาทิเช่น สวนสาธารณะบนหลังคาที่ชื่นชอบของคนท้องเมือง โรงเรียนดิสนีย์แลนด์และฟาสต์ฟูดในสถานที่ นอกจากนี้ยังมีห้างสรรพสินค้าใหญ่ที่ติดกับโรงแรมเพื่อการช้อปปิ้งที่สะดวกสบาย

Sunshine City Prince Hotel ยังตั้งอยู่ในทำเลที่สะดวกในการเดินทาง ใกล้กับสถานีรถไฟ JR Ikebukuro และมีการเชื่อมต่อทางรถไฟใต้ดินที่ให้บริการไปยังจุดหมายอื่น ๆ ในเมืองโตเกียว ซึ่งทำให้การเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ เป็นเรื่องง่ายและสะดวกสบาย

โดยรวมแล้ว Sunshine City Prince Hotel เป็นที่พักที่ดีที่ให้บริการมาตรฐานสูง

อุทยานแห่งชาติคามิโคจิ (Kamikochi)

การเที่ยวคามิโคจิ (Kamikochi) ในช่วงใบไม้เปลี่ยนสี (autumn foliage) เป็นที่น่าสนใจอย่างมาก ซึ่งเกิดขึ้นประมาณเดือนกันยายนถึงต้นพฤศจิกายน ในช่วงเวลานี้คุณจะได้เห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของภูเขาและแม่น้ำที่ได้รับการแตกต่างในสีสันของใบไม้ร่วง

ใบไม้ในคามิโคจิจะเปลี่ยนสีไปจากเขียวสดของฤดูร้อนเป็นสีส้มสวยงาม และบางส่วนยังมีสีแดงและเหลืองเข้าร่วมด้วย ช่วงเวลาที่สีสันของใบไม้เปลี่ยนไปอยู่ประมาณ 2-3 สัปดาห์ แต่อาจมีความแตกต่างขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและตัวอย่างในแต่ละปี

การเดินทางไปในช่วงใบไม้เปลี่ยนสีอาจเป็นช่วงที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก คุณควรทำการจองที่พักและตรวจสอบตารางเดินทางล่วงหน้าเพื่อประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการเที่ยวคามิโคจิในช่วงใบไม้เปลี่ยนสี

หากคุณต้องการเดินทางไปเที่ยวคามิโคจิในช่วงใบไม้เปลี่ยนสี แนะนำให้ตรวจสอบประมาณล่วงหน้าเพื่อที่จะได้วางแผนการเดินทางให้เหมาะสม ฤดูใบไม้เปลี่ยนสีอาจแตกต่างไปตามสภาพอากาศและตัวอย่างในแต่ละปี อย่างไรก็ตาม ช่วงที่คามิโคจิมีใบไม้เปลี่ยนสีเป็นเวลาประมาณเดือนกันยายนถึงต้นพฤศจิกายน

ในช่วงเดินทางนี้ คุณจะได้รับประสบการณ์ที่สวยงามของธรรมชาติที่คามิโคจิ ด้วยการเห็นภูเขาและแม่น้ำที่สะท้อนสีสันสวยงามของใบไม้ร่วง อากาศในช่วงนี้มักจะเย็นสบายและมีอากาศที่แจ่มใส

อย่างไรก็ตาม ควรตรวจสอบสภาพอากาศล่วงหน้าและติดตามข่าวสารเกี่ยวกับการเปลี่ยนสีของใบไม้ในคามิโคจิ แนะนำให้มีการจองที่พักล่วงหน้าและวางแผนการเดินทางให้เหมาะสมเพื่อให้ได้ประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการเที่ยวคามิโคจิในช่วงใบไม้เปลี่ยนสี

สะพานกัปปะ ( Kappa Bridge | かっぱばし )

Kappa Bridge, หรือที่รู้จักในชื่อภาษาญี่ปุ่นว่า “かっぱばし” (Kappa-bashi), เป็นสะพานที่สำคัญและเป็นที่รู้จักในพื้นที่ของเที่ยวชมอุทยานแห่งชาติคามิโคจิ (Kamikochi) ในภูเขาอะลปา (Alps) ของญี่ปุ่น สะพานนี้เชื่อมต่อระหว่างด้านตะวันออกและด้านตะวันตกของแม่น้ำอึนปู (Azusa River) ที่ไหลผ่านในอุทยานแห่งชาติคามิโคจิ

สะพาน Kappa Bridge เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจที่นักท่องเที่ยวสามารถเดินเหนือข้างทะเลสาบอ่างเชือก (Taisho Pond) และชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของอุทยานแห่งชาติคามิโคจิได้ นอกจากนี้ยังมีเส้นทางเดินเท้าที่นำสู่จุดชมวิวที่น่าทึ่งอื่นๆ ในพื้นที่อุทยาน สะพาน Kappa Bridge เป็นจุดเริ่มต้นที่นักเดินทางจะเริ่มเดินทางไปสำรวจความงดงามของอุทยานแห่งชาติคามิโคจิได้

จุดไฮไลต์ที่ต้องแวะในคามิโคจิ

ในคามิโคจิมีจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจหลายแห่งที่คุณควรแวะเยี่ยมชม เราได้รวบรวมจุดไฮไลต์ที่สำคัญมาให้ดังนี้:

  1. แม่น้ำอาฮัล: แม่น้ำที่ไหลผ่านอุทยานแห่งชาติคามิโคจิ มีทะเลสาบสวยงามและวิวทิวเขาที่ยอดเยี่ยม

  2. ภูเขายาระ: เป็นภูเขาสูงสุดในญี่ปุ่นและเป็นจุดชมวิวที่ยอดเยี่ยม มีเส้นทางเดินเท้าให้เลือกหลากหลายระดับความยาก

  3. ภูเขาคามิโคจิ: เป็นเส้นทางเดินเท้าที่ยอดเยี่ยมในอุทยานแห่งชาติ คามิโคจิ มีทัศนียภาพที่สวยงามของทะเลสาบและภูเขา

  4. ช่องดอย-โตนิเกะ: เป็นช่องหินที่สามารถผ่านไประหว่างภูเขาและทะเลสาบได้ มีทางเดินเท้าที่ดึงดูดความสนใจของนักเดินทาง

  5. ทาคาโมโระ: เป็นพื้นที่ที่มีน้ำตกสวยงามอยู่ในอุทยานแห่งชาติ คามิโคจิ นักท่องเที่ยวสามารถเดินเท้าไปชมน้ำตกและชิลโน่กลิ่นดอกไม้รอบๆ

  6. ช่องของจันทร์: เป็นช่องทางเดินเท้ารอบๆ ทะเลสาบที่มีวิวทิวเขาและต้นไม้รอบๆ ให้คุณสามารถสัมผัสกับธรรมชาติได้อย่างใกล้ชิด

  7. หมู่บ้านฮิโกโกะ: เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่อยู่ใกล้กับคามิโคจิ มีบ้านเรือนแบบดั้งเดิมที่มีความเป็นเอกลักษณ์และวัฒนธรรมท้องถิ่น คุณสามารถเข้าชมและสัมผัสกับวิถีชีวิตของชาวญี่ปุ่นโบราณได้

  8. ฟาร์มมอซึมิโตะ: เป็นฟาร์มที่อยู่ในคามิโคจิที่มีการเพาะปลูกผลไม้และพืชต่างๆ คุณสามารถเยี่ยมชมและมีประสบการณ์การเก็บเกี่ยวผลผลิตสดๆ โดยตรง

  9. ภูเขาอะลปา: เป็นภูเขาที่อยู่ใกล้กับคามิโคจิ มีเส้นทางเดินเท้าที่สามารถชมวิวทิวทัศน์ของทะเลสาบและเขาสลับซับซ้อนได้อย่างงดงาม

  10. ชายหาดทะเลสาบโทยะมะ: ชายหาดที่อยู่ในคามิโคจิ มีทะเลสาบที่ใสและสวยงาม คุณสามารถพักผ่อนและเพลิดเพลินกับทะเลสาบที่อุดมไปด้วยความสงบและสดชื่น

    เหล่าจุดท่องเที่ยวเหล่านี้จะเสริมสร้างประสบการณ์การเที่ยวที่น่าจดจำในคามิโคจิ คุณสามารถเลือกเยี่ยมชมตามความสนใจและรับรู้ความงดงามของธรรมชาติและวัฒนธรรมในพื้นที่นี้ได้

เที่ยวคามิโคจิเดือนไหนดี

การเที่ยวคามิโคจิ (Kamikochi) ควรทำในช่วงฤดูใบไม้ร่วง (autumn) หรือฤดูใบไม้ผลิ (spring) เพื่อให้ได้ประสบการณ์ที่สวยงามที่สุด

  1. ฤดูใบไม้ร่วง (autumn): เดือนกันยายนถึงต้นพฤศจิกายนเป็นช่วงเวลาที่มีสีสันสวยงามของใบไม้ร่วงที่อุทยานแห่งชาติคามิโคจิ คุณจะได้เห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของภูเขาและแม่น้ำที่เปลี่ยนเป็นสีสันสวยงามกับภูเขาในพื้นที่ อากาศในช่วงนี้มักจะเย็นสบายและมีอากาศที่แจ่มใส

  2. ฤดูใบไม้ผลิ (spring): เดือนเมษายนถึงต้นพฤษภาคมเป็นช่วงเวลาที่มีสีสันสวยงามของดอกไม้บานที่อุทยานแห่งชาติคามิโคจิ คุณจะได้เห็นดอกไม้บานเต็มที่เช่น ดอกซากุระ (sakura) และดอกที่น่าประทับใจอื่นๆ ที่มีอยู่ในพื้นที่ อากาศในช่วงนี้จะเย็นสบายและมีอากาศที่สดชื่น

ในทั้งสองฤดูกาลนี้ ควรตรวจสอบสภาพอากาศและตารางเวลาการบริการก่อนเดินทางเพื่อให้ได้ประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการเที่ยวคามิโคจิ

เที่ยว คามิโคจิ ช่วงใบไม้เปลี่ยนสี

การเที่ยวคามิโคจิ (Kamikochi) ในช่วงใบไม้เปลี่ยนสี (autumn foliage) เป็นที่น่าสนใจอย่างมาก ซึ่งเกิดขึ้นประมาณเดือนกันยายนถึงต้นพฤศจิกายน ในช่วงเวลานี้คุณจะได้เห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของภูเขาและแม่น้ำที่ได้รับการแตกต่างในสีสันของใบไม้ร่วง

ใบไม้ในคามิโคจิจะเปลี่ยนสีไปจากเขียวสดของฤดูร้อนเป็นสีส้มสวยงาม และบางส่วนยังมีสีแดงและเหลืองเข้าร่วมด้วย ช่วงเวลาที่สีสันของใบไม้เปลี่ยนไปอยู่ประมาณ 2-3 สัปดาห์ แต่อาจมีความแตกต่างขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและตัวอย่างในแต่ละปี

การเดินทางไปในช่วงใบไม้เปลี่ยนสีอาจเป็นช่วงที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก คุณควรทำการจองที่พักและตรวจสอบตารางเดินทางล่วงหน้าเพื่อประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการเที่ยวคามิโคจิในช่วงใบไม้เปลี่ยนสี

หากคุณต้องการเดินทางไปเที่ยวคามิโคจิในช่วงใบไม้เปลี่ยนสี แนะนำให้ตรวจสอบประมาณล่วงหน้าเพื่อที่จะได้วางแผนการเดินทางให้เหมาะสม ฤดูใบไม้เปลี่ยนสีอาจแตกต่างไปตามสภาพอากาศและตัวอย่างในแต่ละปี อย่างไรก็ตาม ช่วงที่คามิโคจิมีใบไม้เปลี่ยนสีเป็นเวลาประมาณเดือนกันยายนถึงต้นพฤศจิกายน

ในช่วงเดินทางนี้ คุณจะได้รับประสบการณ์ที่สวยงามของธรรมชาติที่คามิโคจิ ด้วยการเห็นภูเขาและแม่น้ำที่สะท้อนสีสันสวยงามของใบไม้ร่วง อากาศในช่วงนี้มักจะเย็นสบายและมีอากาศที่แจ่มใส

อย่างไรก็ตาม ควรตรวจสอบสภาพอากาศล่วงหน้าและติดตามข่าวสารเกี่ยวกับการเปลี่ยนสีของใบไม้ในคามิโคจิ แนะนำให้มีการจองที่พักล่วงหน้าและวางแผนการเดินทางให้เหมาะสมเพื่อให้ได้ประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการเที่ยวคามิโคจิในช่วงใบไม้เปลี่ยนสี

ที่พักใกล้อุทยานคามิโคจิ

คามิโคจิเป็นอุทยานแห่งชาติที่มีพื้นที่กว่า 3,000 ตารางกิโลเมตร และมีทะเลสาบที่สวยงามอยู่ภายใน พื้นที่นี้เป็นที่ตั้งของหลายโรงแรมและที่พักต่าง ๆ ที่ให้บริการแก่ผู้ที่ต้องการสำรวจและเพลิดเพลินกับความงดงามของธรรมชาติในคามิโคจิ การเลือกที่พักขึ้นอยู่กับความต้องการและงบประมาณของคุณ นี่คือตัวอย่างของที่พักในพื้นที่ใกล้คามิโคจิ:

  1. Kamikochi Onsen Hotel: โรงแรมแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้กับเขต Kamikochi และมีบริเวณและสวนน้ำอันสวยงาม นอกจากนี้ยังมีสปาและบริการอาหารสไตล์ญี่ปุ่นที่นี่ด้วย

  2. Kamikochi Lemeiesta Hotel: โรงแรมนี้ตั้งอยู่ในทำเลที่สะดวกต่อการเดินทางไปยัง Kamikochi มีห้องพักที่สะดวกสบายและคอนโดมิเนียมสไตล์ญี่ปุ่น

  3. Kamikochi Nishi-itoya Mountain Lodge: ที่พักแบบล็อจจิ้งที่ตั้งอยู่ในแหล่งท่องเที่ยวแห่งนี้ มีห้องพักที่สะดวกสบายและบริการอาหารคาวะเซรามิกที่อร่อย

  4. Kamikochi Shimizuya Hotel: โรงแรมนี้ตั้งอยู่ในทำเลที่สวยงามและมีห้องพักที่มีวิวที่น่าทึ่งของภูเขา นอกจากนี้ยังมีร้านอาหารและบริการอื่น ๆ

การเดินทางจากโตเกียวมาคามิโคจิ

การเดินทางมายังคามิโคจิจากโตเกียวสามารถทำได้โดยใช้ระบบขนส่งสาธารณะ เช่น รถไฟและรถบัส ดังนี้:

  1. รถไฟ: คุณสามารถนั่งรถไฟเอ็กซ์เพรส (Express Train) จากสถานีโตเกียวไปยังสถานีติวา (Matsumoto) โดยใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง จากนั้นจึงต้องเปลี่ยนรถไปยังสถานีตาคายาม่า (Takayama) โดยใช้รถไฟ JR Hida Limited Express ซึ่งใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมงเพิ่มเติม จากสถานีตาคายาม่า คุณสามารถต่อรถบัสไปยังคามิโคจิที่จุดรับ-ส่งโดยตรง

  2. รถบัส: คุณสามารถนั่งรถบัสโตเกียว-คามิโคจิ (Tokyo-Kamikochi) ซึ่งเป็นบริการรถบัสตรงจากโตเกียวไปยังคามิโคจิ รถบัสนี้มีเวลาเดินทางประมาณ 5-6 ชั่วโมง

ระบบขนส่งสาธารณะในญี่ปุ่นมีความเป็นองค์กรและมีการดูแลโดยหน่วยงานท้องถิ่น ดังนั้น แนะนำให้ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากสถานีรถไฟหรือสถานีรถบัสในพื้นที่ของคุณ นอกจากนี้ สามารถใช้บริการแผนที่และแอปพลิเคชันการเดินทางสาธารณะออนไลน์ เช่น HyperDia และ Google Maps เพื่อตรวจสอบเส้นทาง ตารางเวลา และรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเดินทางที่คุณสนใจ

อีกทางเลือกหนึ่งคือใช้บริการนำเที่ยวเชิงพาณิชย์ที่มีการจัดการเดินทางสู่แหล่งท่องเที่ยวที่คุณต้องการ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการความสะดวกสบายและการนำทางที่มีความชำนาญ คุณสามารถติดต่อหน่วยงานท่องเที่ยวท้องถิ่นหรือตัวแทนท่องเที่ยวที่มีความเชี่ยวชาญในการจัดการทัวร์เพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเดินทางส่วนตัวไปยังคามิโคจิ

 

ปราสาทมัตสึโมโต้ (Matsumoto Castle)

หลังจากเที่ยวคามิโคจิเสร็จแล้ว คณะทัวร์สามารถเดินทางไปเยี่ยมชมปราสาทมัตสึโมโต้ (Matsumoto Castle) ที่ตั้งอยู่ในเมืองมัตสึโมโต้ (Matsumoto) ในจังหวัดนางาโนะ (Nagano) ซึ่งเป็นหนึ่งในปราสาทที่สง่างามและมีความสำคัญในประเทศญี่ปุ่น

ปราสาทมัตสึโมโต้เป็นปราสาทแบบดั้งเดิมที่มีอายุกว่า 400 ปีและเป็นหนึ่งในปราสาทที่ยังคงความสมบูรณ์และสถาปัตยกรรมแบบญี่ปุ่นโบราณไว้ได้ดี มีโครงสร้างที่มั่นคงและเป็นที่น่าทึ่ง สีขาวที่สวยงามของปราสาทนี้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะที่แสดงถึงความงามและความเจริญรุ่งเรืองของประเทศญี่ปุ่นในอดีต

ในภายในปราสาทมัตสึโมโต้ คุณสามารถเดินชมห้องต่างๆ และชิมสไตล์การอาศัยของสมัยประยุกต์ที่ถูกนำเข้ามาใช้ในปราสาท นอกจากนี้ยังมีพื้นที่รอบๆ ปราสาทที่คุณสามารถเพลิดเพลินกับการเดินเล่นและชิมอาหารสุดอร่อยของท้องถิ่นที่มีจำหน่ายในพื้นที่ การเยี่ยมชมปราสาทมัตสึโมโต้เป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นและน่าทึ่ง

การเดินทางไปยังปราสาทมัตสึโมโต้ในเมืองมัตสึโมโต้สามารถทำได้โดยการใช้รถไฟหรือรถบัส

  1. การเดินทางโดยรถไฟ: คุณสามารถเดินทางโดยรถไฟ Shinkansen จากโตเกียว (Tokyo) ไปยังสถานีมัตสึโมโต้ (Matsumoto Station) ซึ่งใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง ต่อจากนั้นสามารถเดินทางด้วยรถบัสหรือรถแท็กซี่จากสถานีมัตสึโมโต้ไปยังปราสาทมัตสึโมโต้ซึ่งอยู่ใกล้เคียงกัน

  2. การเดินทางโดยรถบัส: มีบริการรถบัสที่เชื่อมต่อระหว่างเมืองโตเกียวและเมืองมัตสึโมโต้ ซึ่งใช้เวลาเดินทางประมาณ 4-5 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับสภาพการจราจร คุณสามารถตรวจสอบตารางเวลาและจองตั๋วรถบัสได้ทางเว็บไซต์ของบริษัทรถบัสที่ให้บริการ

เมื่อถึงปราสาทมัตสึโมโต้ คุณสามารถเดินชมปราสาทและสนุกกับการสำรวจสถานที่ในเมืองมัตสึโมโต้ อีกทั้งยังมีร้านอาหารและร้านค้าให้บริการในบริเวณใกล้เคียงเพื่อให้คุณสามารถสัมผัสกับวัฒนธรรมและอาหารท้องถิ่นได้ในขณะที่คุณเยี่ยมชมปราสาทมัตสึโมโต้

 

ภูเขาไฟฟูจิ (Mount Fuji)

เป็นภูเขาสูงสุดในประเทศญี่ปุ่นและถือเป็นสัญลักษณ์แห่งชาติของประเทศนั้น นอกจากความสูงที่เหนือภูเขาธรรมดาในพื้นที่โดยรอบ ภูเขาไฟฟูจิยังมีความสวยงามเป็นเอกลักษณ์เฉพาะที่นับถือว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากๆ

การเดินทางไปยังภูเขาไฟฟูจิสามารถทำได้โดยการใช้รถยนต์ส่วนตัวหรือรถบัสที่จัดสรรเพื่อบริการนักท่องเที่ยว นอกจากนี้ยังมีรถไฟที่เชื่อมต่อกับสถานีใกล้เคียงเพื่อให้คุณสามารถเดินทางมายังพื้นที่ใกล้เคียงของภูเขาไฟฟูจิได้อีกด้วย

การเดินทางจากโตเกียวไปยังภูเขาไฟฟูจิสามารถใช้รถไฟได้ โดยใช้เส้นทางรถไฟที่ชื่อว่า “Tokaido Shinkansen” จากสถานีโตเกียวไปยังสถานีฟูจิ (Fuji Station) จากนั้นคุณสามารถเปลี่ยนเส้นทางไปยังรถไฟใต้ดินและรถไฟฟ้าท้องถิ่นเพื่อเดินทางไปยังสถานีที่ใกล้กับภูเขาไฟฟูจิ

ประวัติของ ภูเขาไฟฟูจิ

ภูเขาไฟฟูจิ (Mount Fuji) เป็นภูเขาไฟที่มีชื่อเสียงและเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญของประเทศญี่ปุ่น มีความสูงประมาณ 3,776 เมตร เป็นภูเขาสูงสุดในประเทศญี่ปุ่น ภูเขาไฟฟูจิเป็นเป็นภูเขาไฟประเภทแวดล้อม (composite volcano) ที่เกิดจากการระเบิดของเกลือก้อนไฟและหินอ่อน ภูเขาไฟฟูจิสร้างขึ้นจากการเคลื่อนที่ของแนวตะวันออกของแผ่นดินแปรปรวนที่ชื่อว่าแผ่นดินเจียว ความสวยงามและลักษณะทรงพระเจริญของภูเขาไฟฟูจิได้รับความนิยมและเป็นแรงบันดาลใจให้กับศิลปะ วรรณกรรม และวัฒนธรรมญี่ปุ่นมาอย่างยาวนาน ปัจจุบันภูเขาไฟฟูจิเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความนิยมอย่างมาก และถือเป็นสถานที่เป็นที่ประจักษ์ที่ผู้ท่องเที่ยวทั่วโลกต้องการไปเยือนและเห็นกับดวงตะวันขึ้นของภูเขาไฟฟูจิในช่วงเช้าขึ้นและตกดินในช่วงเย็นลง

ภูเขาไฟฟูจิ อยู่เมืองอะไร

ภูเขาไฟฟูจิ (Mount Fuji) ตั้งอยู่ในพื้นที่ทางตะวันออกของประเทศญี่ปุ่น แนวภูเขานี้ยังอยู่ภายในเขตของจังหวัดยามานาชิ และเมืองที่อยู่ใกล้ที่สุดกับภูเขาไฟฟูจิคือเมืองกวางุชิ (Kawaguchiko) ซึ่งอยู่ในจังหวัดยามานาชิ ซึ่งเป็นจังหวัดที่ตั้งแม่น้ำยามานาชิและเป็นที่ตั้งของอุทยานแห่งชาติฟูจิ-ฮะकงะชิ ดังนั้นคุณสามารถเข้าถึงภูเขาไฟฟูจิได้โดยเดินทางไปยังเมืองกวางุชิ และใช้วิธีการเดินทางที่สะดวกสบายต่อไปยังภูเขาไฟฟูจิ

 

การเดินทางมา ภูเขาไฟฟูจิ จาก โตเกียว

ภูเขาไฟฟูจิ (Mount Fuji) ตั้งอยู่ในจังหวัดยามานาชิ ในฝั่งทวีปฮอนชู ภูเขาไฟฟูจิอยู่ห่างจากกรุงโตเกียวประมาณ 100 กิโลเมตร ซึ่งทำให้เป็นที่เดินทางที่สะดวกสำหรับผู้ที่ต้องการเยี่ยมชมและเดินขึ้นไปยังยอดเขาไฟฟูจิ จากกรุงโตเกียว สามารถเดินทางไปยังเมืองกาวากูจิชิ ซึ่งเป็นเมืองที่อยู่ใกล้ภูเขาไฟฟูจิ โดยใช้รถไฟหรือรถโดยสารบนท้องถนน เวลาเดินทางจากโตเกียวไปยังกาวากูจิชิอาจใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมงขึ้นอยู่กับสายที่ใช้และสถานการณ์จราจร สำหรับการเดินขึ้นยอดเขาไฟฟูจิจะต้องเดินทางเพิ่มเติมด้วยการใช้รถบัสหรือรถขนส่งสาธารณะที่พร้อมให้บริการให้เข้าถึงพื้นที่ที่สูงขึ้นใกล้กับยอดเขาไฟฟูจิ

ภูเขาไฟฟูจิประกอบด้วยหลายชั้น ซึ่งแต่ละชั้นมีลักษณะและความสำคัญที่แตกต่างกันดังนี้:

  1. ชั้น 1 (Base Zone): เป็นชั้นที่ตั้งอยู่ที่ระดับความสูงประมาณ 700 เมตรจากระดับน้ำทะเล ในชั้นนี้จะมีเมืองและหมู่บ้านต่าง ๆ ที่เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยว ร้านอาหาร ร้านขายของฝาก และสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ สำหรับนักท่องเที่ยว

  2. ชั้น 2 (Forest Zone): เป็นชั้นที่ตั้งอยู่ระหว่าง 700-1,500 เมตรจากระดับน้ำทะเล ชั้นนี้เป็นพื้นที่ป่าไม้หนาและสวยงาม มีการปกคลุมด้วยต้นไม้หลากชนิด สามารถพบกับธรรมชาติและสัตว์ป่าต่าง ๆ ได้

  3. ชั้น 3 (Subalpine Zone): เป็นชั้นที่ตั้งอยู่ระหว่าง 1,500-2,400 เมตรจากระดับน้ำทะเล ในชั้นนี้มีทัศนียภาพที่สวยงามของทะเลหมอก ดอกไม้ที่บานสีสันสวยงาม และพืชที่เหมาะสมกับสภาพอากาศของภูเขาไฟ

  4. ชั้น 4 (Alpine Zone): เป็นชั้นที่ตั้งอยู่ระหว่าง 2,400-3,400 เมตรจากระดับน้ำทะเล ชั้นนี้เป็นที่ตั้งของหลายทะเลสาบและลำธารที่สวยงาม มีสภาพอากาศเย็นสบายตลอดปี

  5. ชั้น 5 (Sunrise Zone): เป็นชั้นที่ตั้งอยู่ระหว่าง 3,400-3,776 เมตรจากระดับน้ำทะเล ชั้นนี้เป็นจุดสูงสุดของภูเขาไฟฟูจิ และเป็นที่เปิดชมพระอาทิตย์ขึ้นตรงกลางแจ้งในตอนเช้าที่สวยงามที่สุด นักปีนจะมารวมกันที่นี่เพื่อดูพระอาทิตย์ขึ้นและทำพิธีกลางแจ้ง

    มีการแบ่งชั้นของภูเขาไฟฟูจิเพื่อให้นักปีนและนักท่องเที่ยวสามารถสำรวจและเพลิดเพลินกับความสวยงามและเอกลักษณ์ของแต่ละชั้นได้อย่างเต็มที่ ความสูงของแต่ละชั้นจะมีผลต่ออากาศและพื้นที่ที่พบ จึงควรตรวจสอบข้อมูลสภาพอากาศและความปลอดภัยก่อนเดินทางขึ้นไปยังชั้นที่ต้องการเพื่อให้การเดินทางปลอดภัยและเต็มไปด้วยความสุข

 

หมู่บ้านน้ำใส โอชิโนะฮักไก (Oshino Hakkai) 

หลังจากเที่ยวภูเขาไฟฟูจิชั้น 5 สำเร็จแล้ว คณะทัวร์สามารถเดินทางไปเยือนหมู่บ้านน้ำใสได้ หมู่บ้านน้ำใสเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ตั้งอยู่ใกล้กับภูเขาไฟฟูจิ และมีลักษณะเป็นหมู่บ้านชนบทที่ร่วมสมัยและเพียบพร้อมไปด้วยธรรมชาติที่งดงาม นี่เป็นโอกาสที่ดีในการสัมผัสวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของชาวบ้านในพื้นที่ คุณสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับวิถีชีวิตของพวกเขา ชิมอาหารท้องถิ่นและรับรู้เรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับประเพณีและวัฒนธรรมท้องถิ่นได้ นอกจากนี้ คุณยังสามารถเพลิดเพลินกับการเดินเที่ยวทางธรรมชาติ เช่น การเรือนเรือนทางช้างน้ำและการเรือนร่างทอง และการเดินทางในหมู่บ้านน้ำใสยังเป็นโอกาสที่ดีในการช้อปปิ้งผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นและทานอาหารอร่อย

หมู่บ้านน้ำใส โอชิโนะฮักไก (Oshino Hakkai) เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความสำคัญในภูมิภาคยามานาชิ ประเทศญี่ปุ่น หมู่บ้านนี้เป็นแหล่งน้ำแร่ธรรมชาติที่มีความบริสุทธิ์สูง และมีจำนวน 8 แห่งของบ่อน้ำธรรมชาติที่สวยงามและอุดมสมบูรณ์

เมื่อคุณเข้าชมโอชิโนะฮักไก คุณจะได้พบกับบ่อน้ำใสที่มีการเก็บรักษาอย่างดี และความงดงามของธรรมชาติรอบๆ บริเวณ คุณสามารถตรวจสอบน้ำในบ่อและเห็นปลาที่มีสีสันสวยงาม นอกจากนี้ยังมีเกาะอุทยานที่มีวัดและศาลเจ้าที่นั่งอยู่ ที่นี่คุณสามารถสัมผัสกับบรรยากาศสงบและความสวยงามของธรรมชาติที่น่าทึ่งในภูมิภาคยามานาชิได้อย่างเต็มที่

เมื่อคุณเสร็จสิ้นการเที่ยวที่โอชิโนะฮักไก คณะทัวร์จะช้อปปิ้งที่ย่านชิบูย่าเพื่อสนุกกับการช้อปปิ้งและสัมผัสวัฒนธรรมญี่ปุ่นแท้ๆ ดังนี้คือขั้นตอนการเดินทาง:

  1. ออกจากโอชิโนะฮักไก: ใช้รถยนต์หรือรถบัสส่วนตัวเพื่อออกจากโอชิโนะฮักไกและเดินทางไปย่านชิบูย่า ระยะทางประมาณ 17 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับสภาพการจราจร

  2. ถึงย่านชิบูย่า: เมื่อถึงย่านชิบูย่า คุณจะพบกับร้านค้าและร้านอาหารที่หลากหลาย ที่นี่คุณสามารถซื้อของฝากและของที่ระลึกที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่นได้ นอกจากนี้ยังมีร้านอาหารท้องถิ่นที่น่าลิ้มลอง ซึ่งสามารถลิ้มรสอาหารญี่ปุ่นแท้ๆ เช่น สุกี้ยากิ ราเมน อะตอกิ และอื่นๆ ได้

  3. สนุกกับการช้อปปิ้ง: ที่ย่านชิบูย่ามีห้างสรรพสินค้าใหญ่ ร้านขายเสื้อผ้า รองเท้า สินค้าที่ระลึก อัญมณี สมุดโน้ต ของตกแต่งบ้าน และอื่นๆ ที่คุณสามารถเลือกช้อปปิ้งตามความต้องการของคุณได้

ชิบูย่าเป็นแหล่งรวมความคึกคักและความเร้าร้อนของชีวิตในกรุงโตเกียว โดยเฉพาะในเขตสถานีชิบูย่าซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางของย่านนี้ นี่เป็นที่ที่ผู้คนทั้งมากทั้งน้อยและนักท่องเที่ยวต่างชื่นชอบมากเนื่องจากมีสิ่งที่น่าสนใจมากมายเมื่อคุณเดินออกจากสถานีชิบูย่า คุณจะพบกับย่านซึ่งเต็มไปด้วยความคึกคัก ร้านค้าแฟชั่นชั้นนำ ห้างสรรพสินค้า เทศกาลถนน และสถานที่สำคัญอื่นๆ นี่คือภาพรวมของเหล่าสิ่งที่คุณอาจพบในชิบูย่า:

  1. สถานีชิบูย่า: เป็นสถานีรถไฟที่แอบแฝงด้วยร้านค้า ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร และสถานที่สำคัญอื่นๆ สถานีชิบูย่าเป็นจุดสังเกตที่มีความเจริญรุ่งเรืองและเป็นจุดนัดพบที่ได้รับความนิยมมากในเวลากลางคืน

  2. สี่แยกชิบูย่า: นี่คือจุดที่เต็มไปด้วยคนเดินเท้าที่ครอบครองบริเวณและคาดเดาว่าเป็นสี่แยกที่ดีที่สุดในโลก ชื่อที่นิยมอีกอย่างคือ “สแครมเบิล” เมื่อไฟจราจรสัญญาณเปลี่ยนเป็นแดง ทุกคนจะเดินข้ามถนนที่ซับซ้อนอย่างล้นหลาม

  3. เซ็นเตอร์ไก: เซ็นเตอร์ไกเป็นถนนเดินเท้าที่ริมถนนใหญ่ที่แหล่งรวมร้านค้าและสถานบันเทิงหลากหลาย ที่นี่คุณสามารถค้นหาร้านเสื้อผ้าแฟชั่นที่กำลังฮิต ร้านสกรูดจิ้งจอกที่น่าสนใจ ร้านอาหารอร่อย ร้านกาแฟและบาร์สุดเก๋ และอื่นๆ นอกจากนี้ยังมีสถานที่แสดงศิลปะ โรงภาพยนตร์ และอีกมากมาย

  4. ห้างสรรพสินค้าชิบูย่า 109: ห้างสรรพสินค้าชื่อดังที่มีชื่อเสียงเป็นพิเศษสำหรับแฟชั่นคนเยาว์ คุณสามารถค้นหาเสื้อผ้าแฟชั่นและสินค้าอื่นๆ จากแบรนด์ชั้นนำของญี่ปุ่นได้ที่นี่

  5. ศาลเจ้าอุเทน เทียงฮาชิบูย่า: เป็นศาลเจ้าที่เป็นที่สำคัญในชิบูย่า และมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน ผู้คนมักไปนมัสการและจ่ายบูชาที่นี่

  6. แอนนอยแอนนอย (NHK Studio Park): สถานที่ท่องเที่ยวที่คุณสามารถเข้าชมเบื้องหลังการถ่ายทอดสดของสถานีโทรทัศน์แห่งชาติ NHK คุณสามารถสัมผัสประสบการณ์การใช้งานสื่อของ NHK และเข้าร่วมกิจกรรมที่นี่ได้

โตเกียวดิสนีย์แลนด์ | TOKYO DISNEY LAND/SEA

เป็นเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยมและแห่งความสนุกสนานที่ตั้งอยู่ในตัวเมืองโตเกียว ที่นี่เป็นจุดหมายท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมอันดับต้น ๆ ในกรุงโตเกียวและเป็นที่ชื่นชอบของทั้งเยาวชนและผู้ใหญ่ที่รักในเรื่องราวและตัวละครดิสนีย์

โตเกียวดิสนีย์แลนด์ประกอบด้วยสวนสนุกที่เป็นศิลปะและสถาปัตยกรรมที่สวยงาม ภูมิทัศน์ที่สร้างสรรค์และเต็มไปด้วยความสนุกสนาน นี่คือสถานที่ที่คุณสามารถพบกับตัวละครดิสนีย์ที่รู้จักกันดีอย่าง มิกกี้ เมาส์ และเครื่องแบบดิสนีย์อื่น ๆ ได้ในความจริง

คุณสามารถสนุกกับการขี่รถเล่นและเกมต่าง ๆ ในพื้นที่สวนสนุก อีกทั้งยังมีการแสดงสดต่าง ๆ ที่น่าตื่นเต้น เช่น การแสดงหน้ากาก โชว์ไฟและฟลูเรสเซนต์ที่วิจารณ์ คุณยังสามารถสนุกกับช้อปปิ้งและร้านอาหารที่มีให้เลือกมากมาย

โตเกียวดิสนีย์แลนด์เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าตื่นตาตื่นใจและสนุกสนานสำหรับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว กลุ่มเพื่อนหรือคู่รัก ที่นี่เป็นสถานที่

ต่อจากความสนุกและความตื่นเต้นที่โตเกียวดิสนีย์แลนด์นั้นมี คุณยังสามารถสำรวจโตเกียวในส่วนอื่น ๆ ได้อีกเช่นกัน นี่คือภาพรวมของสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตอื่น ๆ ที่คุณอาจสนใจ:

  1. ได้รับประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ย่านชินจูกุ (Shinjuku): นี่เป็นย่านการค้าที่เต็มไปด้วยห้างสรรพสินค้าที่มีความหลากหลายและร้านค้าที่น่าสนใจ เช่นห้างสรรพสินค้านานาชาติไอเซ็ตัน (Isetan) และร้านค้าน้ำหอมหลากหลายระดับสากล

  2. สำรวจวัดเซนโตชิ (Senso-ji Temple): เป็นวัดที่สำคัญและเป็นที่นับถืออย่างมากในโตเกียว คุณสามารถเดินเล่นในถนนนาคาเซนชี (Nakamise Shopping Street) ที่ติดกับวัดและสัมผัสบรรยากาศที่ศักดิ์สิทธิ์ของสถานที่นี้ได้

  3. สนุกกับการสัมผัสเทคโนโลยีในอนาคตที่ตั้งของโตเกียว (Odaiba): นี่เป็นเกาะที่ตั้งของหลายสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เช่น โตเกียวอะควาเรียม (Tokyo Aquarium) ที่มีการแสดงฉายสุดสมจริงของสัตว์น้ำ และร้านค้าและร้านอาหารตามริมน้ำ

  4. เยือนสวนสนุกทามากิแลนด์ (Tokyo Disneyland) หรือทามากิซี (Tokyo DisneySea): สถานที่สนุกสนาน

  5. เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์การศึกษาและวัฒนธรรมแห่งญี่ปุ่น (Edo-Tokyo Museum): นี่เป็นพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจที่สามารถให้คุณสำรวจประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของโตเกียวและญี่ปุ่นได้ในช่วงเวลาที่แตกต่างกันของช่วงยุคอีโดะและโตเกียว

  6. เดินเล่นในสวนอิมพีเรียล (Imperial Palace): นี่คือที่ตั้งของพระราชวังและพื้นที่ที่รอบข้างที่ใหญ่และสวยงามในเมืองโตเกียว คุณสามารถสนุกกับการเดินเล่นในสวนหรือเยี่ยมชมพระราชวังและอาคารประวัติศาสตร์ได้

  7. สัมผัสกับศิลปะและวัฒนธรรมในพิพิธภัณฑ์ศิลปะโตเกียว (Tokyo National Museum): นี่เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่ยอดเยี่ยมที่มีคอลเลคชันของศิลปะและวัฒนธรรมญี่ปุ่นที่หลากหลาย คุณสามารถชมพิพิธภัณฑ์และงานศิลปะที่น่าทึ่งได้ในสถานที่นี้

  8. สัมผัสกับการช้อปปิ้งในย่านอาคารค้าตะเคียนทอง (Ginza): นี่คือย่านช้อปปิ้งที่มีชื่อเสียงและมีร้านค้าแบรนด์ชั้นนำ คุณสามารถหาสินค้าที่หรูหราหรือสินค้าที่มีคุณภาพดีในย่านนี้ได้

  9. สัมผัสกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี

  10. เยือนการประชุมและแสดงสินค้าทางเทคโนโลยีในตึกอิตัล โตเกียว (Tokyo Big Sight): นี่เป็นศูนย์การประชุมและแสดงสินค้าที่มีการจัดแสดงเกี่ยวกับเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมในหลายสาขา คุณสามารถสัมผัสกับนวัตกรรมล้ำสมัยและเทคโนโลยีที่กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็วในสถานที่นี้ได้

  11. เที่ยวชมไนท์วิวที่สะพานโตเกียว (Tokyo Skytree): นี่คือสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตที่มีทั้งชั้นกังวลและชั้นร้านค้าที่ให้คุณสามารถเพลิดเพลินกับวิวที่ยอดเยี่ยมของเมืองโตเกียวได้สัมผัสกับชีวิตกลางคืนในย่านคาบูกิโคเย้า (Kabukicho): นี่เป็นย่านสันทนาการที่เต็มไปด้วยบาร์และร้านค้าที่เปิดให้บริการตลอดทั้งคืน คุณสามารถเพลิดเพลินกับสถานบันเทิงสด ร้านอาหารอร่อย และกิจกรรมที่น่าสนใจในย่านนี้ได้

 

บทสรุป

ทัวร์นี้มีข้อดีมากมายที่คุณสามารถเพลิดเพลินและเพิ่มประสบการณ์ท่องเที่ยวในญี่ปุ่นได้ นี่คือ 10 ข้อดีของทัวร์นี้:

  1. การเที่ยวภูเขาไฟฟูจิชั้น 5: คุณจะได้สัมผัสความสวยงามของภูเขาไฟฟูจิในฤดูใบไม้ผลิที่สดชื่นและเป็นเอกลักษณ์ของญี่ปุ่น.

  2. การเยือนหมู่บ้านน้ำใส (Oshino Hakkai): คุณจะได้สัมผัสบรรยากาศของหมู่บ้านที่มีน้ำแร่สะอาดและบ่งบอกถึงวัฒนธรรมและชีวิตของคนญี่ปุ่น.

  3. การช้อปปิ้งที่ย่านชิบูย่า: ย่านชิบูย่าเป็นที่รู้จักในการเป็นแหล่งช้อปปิ้งที่ยอดเยี่ยมของโตเกียว คุณสามารถสนุกกับการเดินเล่นและช้อปปิ้งในหลายๆ ร้านค้าและห้างสรรพสินค้าที่นี่.

  4. การเยือนโอชิโนะฮักไก (Oshino Hakkai): หมู่บ้านนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีบรรยากาศเงียบสงบและสวยงาม คุณสามารถสัมผัสประสบการณ์ที่แตกต่างจากชีวิตในเมืองและติดต่อกับธรรมชาติอันสวยงาม.

  5. การเดินทางไปยังปราสาทมัตสึโมโต้: นี่คือที่ท่องเที่ยวสำคัญในโตเกียวที่มีประวัติศาสตร์และความสำคัญทางศาสนา

  6. การพักผ่อนในโรงแรม Fuji Kawaguchi Hotel: โรงแรมนี้มีความเป็นเอกลักษณ์และมีมาตรฐานสูง คุณจะได้สัมผัสความสบายและความหรูหราของการพักผ่อนในย่านภูเขาไฟฟูจิ.

  7. การสำรวจเมืองโตเกียว: โตเกียวเป็นเมืองที่สำคัญและที่น่าสนใจในญี่ปุ่น คุณสามารถสำรวจและสัมผัสวัฒนธรรมญี่ปุ่นที่นี่ได้อย่างเต็มที่.

  8. การเข้าชมโตเกียวดิสนีย์แลนด์: นี่เป็นสวนสนุกและเกาะที่น่าตื่นเต้นที่คุณไม่ควรพลาด คุณสามารถสนุกกับการขับรถไฟเหาะออกไปตามเส้นทางที่น่าตื่นเต้นและได้สัมผัสความสนุกสนานในแบบญี่ปุ่น.

  9. การชมการแสดงศิลปะที่ตลาดใบไม้: คุณจะได้พบกับการแสดงศิลปะและวัฒนธรรมที่มีอยู่ตลอดเวลาในตลาดใบไม้ ที่นี่คุณสามารถเห็นการแสดงการเต้นรำที่สวยงามและสิ่งของจัดแสดงที่น่าตื่นเต้น.

  10. การเพลิดเพลินกับอาหารญี่ปุ่น: ทัวร์นี้ยังมีโอกาสให้คุณสัมผัสความอร่อยของอาหารญี่ปุ่น คุณสามารถลิ้มรสอาหารญี่ปุ่นที่อร่อยและสดชื่นได้ในร้านอาหารท้องถิ่นในทุกๆ สถานที่ที่คุณเยือน.

ได้สัมผัสประสบการณ์ท่องเที่ยวที่น่าตื่นเต้นและสนุกสนานในญี่ปุ่นที่คุณไม่ควรพลาด ทัวร์นี้นำคุณไปสำรวจทัศนียภาพธรรมชาติที่สวยงามของ Kamikochi ในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่สดชื่นและสวยงาม คุณจะสัมผัสความเงียบสงบและความสดชื่นของธรรมชาติที่นี่ นอกจากนี้ยังมีที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ที่น่าสนใจเช่นการเยือนโอชิโนะฮักไกที่เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่มีบรรยากาศเงียบสงบและธรรมชาติที่งดงาม คุณยังจะได้สนุกกับการช้อปปิ้งที่ย่านชิบูย่าที่เป็นที่นิยมของช้อปเปอร์ทั่วโลก ภายในเมืองโตเกียว คุณจะได้สัมผัสวัฒนธรรมและความสำคัญทางศาสนาของประเทศญี่ปุ่นผ่านการเยือนปราสาทมัตสึโมโต้ ที่เป็นสถานที่สำคัญและมีประวัติศาสตร์ในเมืองโตเกียว นอกจากนี้ยังมีโอกาสให้คุณสัมผัสความสนุกสนานในโตเกียวดิสนีย์แลนด์ ซึ่งเป็นสวนสนุกและเกาะที่ให้ประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นและสนุกไปกับครอบครัวและเพื่อนๆ  หากท่านต้องการหาไอเดียท่องเที่ยวเพิ่มเติม ดูทัวร์ญี่ปุ่น คลิ๊กที่นี่ได้เล้ยยยย