เยือนถิ่น “ซูโม่” ชมการแข่งซูโม่อันเร้าใจ และชิมเมนูหม้อไฟเพิ่มพลัง

ซูโม่ (Sumo) นับเป็นวัฒนธรรมอันเก่าแก่ของประเทศญี่ปุ่น เป็นกีฬาการต่อสู้กันระหว่างนักซูโม่สองฝ่าย ซึ่งจะต้องใช้พละกำลังเพื่อให้คู่ต่อสู้พลาดท่าหลุดออกนอกวงแหวน (Dohyo) หรือถ้าส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายที่นอกเหนือจากฝ่าเท้าสัมผัสกับพื้น ก็จะถือว่าแพ้

˚‧º·‧º·˚(　´∀｀)つ―●○◎🍜

การแข่งขันซูโม่ในญี่ปุ่นนั้น มีแข่งหลัก ๆ 6 รอบต่อปี โดยจัดที่ โตเกียว (Tokyo) 3 ครั้งในเดือนมกราคม พฤษภาคม และกันยายน ที่ สนามแข่งซูโม่ เรียวโกคุ โคคุกิคัง (Ryogoku Kokugikan Sumo Stadium)

*ส่วนที่โอซาก้า (Osaka) จะจัดแข่งขันในเดือนมีนาคม นาโงย่า (Nagoya) จัดในเดือนกรกฎาคม และฟุกุโอกะ (Fukuoka) จัดในเดือนพฤศจิกายน โดยการแข่งขันแต่ละรอบ เป็นระยะเวลา 15 วัน

ภายในสนามแข่งขันจะมีลานต่อสู้ตั้งอยู่บริเวณตรงกลางของสนาม ล้อมรอบด้วยที่นั่งชมของคนดู ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ประกอบด้วย ที่นั่งติดขอบลานต่อสู้ (Ringside Seat) ที่นั่งแบบกลุ่ม (Box Seats) นั่งรวมกันได้ 4 คน และที่นั่งบริเวณชั้น 2 ของสนาม (Chair Seats) สามารถจองที่นั่งล่วงหน้าได้ทางเว็บไซต์ https://www.sumo.or.jp/En/

˚‧º·‧º·˚(　´∀｀)つ―●○◎🍜

อีกสิ่งที่ไม่ควรพลาดคือ การลองชิม “จังโคะ นาเบะ (Chanko Nabe)” ซึ่งเป็นเมนูหม้อไฟที่นักซูโม่กินในทุก ๆ วัน เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับร่างกาย เพราะประกอบไปด้วยโปรตีนจากเนื้อไก่ กับผักหลากหลายชนิด พร้อมด้วยซุปซี่โครงไก่เข้มข้น

โดยสามารถหาทานเมนูจังโคะนาเบะได้ในย่านเรียวโกคุ (Ryogoku) ของกรุงโตเกียว ซึ่งเป็นที่ตั้งของสนามแข่งซูโม่ และยังเต็มไปด้วยร้านนาเบะมากมาย รวมถึงค่ายฝึกซูโม่ต่างๆ ก็ตั้งเรียงรายอยู่ทั่วทั้งย่านนี้ จึงอาจได้พบเห็นนักซูโม่เดินตามท้องถนนบริเวณนี้ นอกจากนี้ ยังมีพิพิธภัณฑ์น่าสนใจอีกหลายแห่ง เช่น พิพิธภัณฑ์ดาบญี่ปุ่น (The Japanese Sword Museum) เป็นต้น

˚‧º·‧º·˚(　´∀｀)つ―●○◎🍜

และหากใครสนใจเรื่องราวของซูโม่ สามารถแวะเยี่ยมชม “พิพิธภัณฑ์ซูโม่ (Sumo Museum)” ที่อยู่ภายในสนามแข่งซูโม่ เรียวโกคุ โคคุกิคัง ได้อีกด้วย

˚‧º·‧º·˚(　´∀｀)つ―●○◎🍜

การเดินทาง : จากสถานี Tokyo โดยสารรถไฟ JR Yamanote line ลงที่สถานี Akihabara จากนั้นโดยสารรถไฟ JR Chuo-Sobu Line ลงที่สถานี Ryogoku รวมใช้เวลาประมาณ 15 นาที แล้วเดินต่อประมาณ 1 นาทีก็ถึงสนามแข่งซูโม่ เรียวโกคุ โคคุกิคัง