Contact Us On 02 676 3303 contact@pkgjourney.com

5 ขบวนรถไฟชมวิวใบไม้เปลี่ยนสีทั่วญี่ปุ่น ที่ต้องนั่งสักครั้ง

รถไฟชมวิวใบไม้เปลี่ยนสี ญี่ปุ่น รวมเส้นทางรถไฟสายสวยที่พาคุณชมธรรมชาติฤดูใบไม้ร่วงทั่วประเทศ กับ 5 ขบวนรถไฟยอดนิยมที่ควรนั่งสักครั้งในชีวิต

1. รถไฟสายยะกัง เทสึโด (Yagan Tetsudo Railway), โทชิงิ (Tochigi)

ขบวนรถไฟที่วิ่งผ่านหุบเขาโทชิงิ สัมผัสเสน่ห์ใบไม้สีแดงและส้มตลอดเส้นทาง

ไฮไลท์ช่วงใบไม้เปลี่ยนสี:
วิ่งเลียบแม่น้ำคินุงาวะผ่านหุบเขาลึก จุดพีคช่วงปลายตุลาคม – ต้นพฤศจิกายน มองเห็นสีสันของป่าเมเปิ้ลและต้นกิงโกะตัดกับภูเขา

เมนูแนะนำ:
“ยูบะ (ฟองเต้าหู้)” ของขึ้นชื่อของโทชิงิ เสิร์ฟในรูปแบบซาชิมิและซุปญี่ปุ่นรสกลมกล่อม

คลิ๊กเพื่ออ่านเพิ่มเติม

🚂 Yagan Tetsudo Railway – เส้นทางรถไฟสายโรแมนติกท่ามกลางหุบเขาโทชิงิ

🌄 ภาพรวมเส้นทางและจุดเด่น

Yagan Tetsudo Railway เป็นเส้นทางรถไฟท้องถิ่นที่เชื่อมต่อจังหวัดโทชิงิกับฟุคุชิมะ ความยาวประมาณ 30 กิโลเมตร ไฮไลท์อยู่ที่การวิ่งเลียบแม่น้ำคินุงาวะ ผ่านหุบเขาลึก และลอดอุโมงค์ธรรมชาติ เส้นทางนี้โด่งดังเพราะวิวที่สวยในทุกฤดูกาล โดยเฉพาะ ฤดูใบไม้ร่วง (ปลายตุลาคม – ต้นพฤศจิกายน) ที่ภูเขารอบ ๆ เปลี่ยนเป็นสีแดง ส้ม และเหลือง ไล่เฉดสวยงามจนเต็มหุบเขา

สิ่งที่ทำให้เส้นทางนี้โดดเด่นคือ บรรยากาศเงียบสงบ สัมผัสความเป็นชนบทญี่ปุ่นแท้ ๆ และ ขบวนรถไฟที่แล่นช้าเพื่อให้คุณดื่มด่ำวิวเต็มที่ เป็นประสบการณ์ที่ทั้งโรแมนติกและผ่อนคลาย เหมาะกับคนรักธรรมชาติและคู่รักที่อยากเที่ยวในสไตล์สโลว์ไลฟ์


🛤 ไฮไลท์ของ Yagan Tetsudo ในฤดูใบไม้ร่วง

  • วิวหุบเขาและแม่น้ำคินุงาวะ
    ขบวนรถไฟจะวิ่งไปตามโค้งแม่น้ำคินุงาวะ พร้อมฉากหลังเป็นภูเขาที่เต็มไปด้วยใบเมเปิ้ลและกิงโกะหลากสี

  • สะพานเหล็กและอุโมงค์ภูเขา
    จุดชมวิวสุดพิเศษที่ทำให้ภาพถ่ายสวยราวโปสการ์ด โดยเฉพาะช่วงที่รถไฟแล่นออกจากอุโมงค์แล้วเปิดสู่ทิวทัศน์ใบไม้แดง

  • หมู่บ้านท้องถิ่นเล็ก ๆ
    ระหว่างทางจะเห็นบ้านญี่ปุ่นโบราณและทุ่งนาที่ตัดกับภูเขา เหมือนย้อนเวลากลับไปในยุคโชวะ


📅 ช่วงเวลาที่เหมาะที่สุด

  • ปลายตุลาคม – ต้นพฤศจิกายน
    เป็นจุดพีคของใบไม้เปลี่ยนสีในโทชิงิ อากาศเย็นสบาย (ประมาณ 10–15°C) ฟ้าสดใส เหมาะกับการถ่ายรูปและเดินเล่นตามสถานีต่าง ๆ


🍱 อาหารท้องถิ่นที่ต้องลอง

  1. ยูบะ (ฟองเต้าหู้)
    ของขึ้นชื่อของโทชิงิที่ทำจากเต้าหู้สด เสิร์ฟได้ทั้งแบบซาชิมิ เนื้อเนียนนุ่ม หรือแบบต้มในซุปญี่ปุ่นรสกลมกล่อม

  2. โซบะเส้นสด
    เส้นโซบะทำจากบัควีตในท้องถิ่น กินคู่กับน้ำซุปหอม ๆ อุ่น ๆ คลายความหนาวระหว่างการเดินทาง

  3. ของฝากท้องถิ่น
    เช่น ขนมมันจูไส้ถั่วแดง และขนมหวานทำจากยูบะ


🏞 จุดถ่ายรูปที่ห้ามพลาด

  • สะพานเหล็กกลางหุบเขา รถไฟสีสดตัดกับฉากใบไม้แดงเป็นภาพที่โดดเด่นมาก

  • มุมมองจากหน้าต่างรถไฟ ที่มองเห็นแม่น้ำคินุงาวะคดเคี้ยว

  • สถานี Yunishigawa-Onsen ที่มีบรรยากาศเรโทรและใกล้ออนเซ็น


แนะนำกิจกรรมเสริม

  • แช่ออนเซ็นที่ Yunishigawa-Onsen
    หลังจากนั่งรถไฟ คุณสามารถลงที่สถานีนี้เพื่อสัมผัสการแช่บ่อน้ำร้อนท่ามกลางภูเขาใบไม้เปลี่ยนสี เป็นความฟินที่สมบูรณ์แบบ

  • พักเรียวกัง
    ลองค้างคืนในที่พักสไตล์ญี่ปุ่นแท้ พร้อมอาหารไคเซกิและวิวธรรมชาติสุดโรแมนติก


💡 เคล็ดลับสำหรับนักท่องเที่ยว

  • จองที่นั่งฝั่งซ้ายของรถไฟ สำหรับวิวที่ดีที่สุดของแม่น้ำและภูเขา

  • พกกล้องหรือสมาร์ทโฟนพร้อมแบตสำรอง เพราะคุณจะอยากถ่ายรูปตลอดทาง

  • เช็คตารางรถไฟล่วงหน้า เพราะรอบวิ่งไม่ถี่เหมือนรถไฟเมืองใหญ่

  • พกเสื้อแจ็คเก็ตบาง ๆ เพราะอุณหภูมิในหุบเขาจะเย็นกว่าในตัวเมือง


ทำไมต้องนั่ง Yagan Tetsudo ในฤดูใบไม้เปลี่ยนสี?

เพราะเส้นทางนี้คือ สัญลักษณ์ของการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติในโทชิงิ ที่รวมทุกความงดงามของฤดูใบไม้ร่วง ทั้งภูเขา แม่น้ำ วิถีชีวิตท้องถิ่น และอาหารญี่ปุ่นแท้ ๆ เป็นประสบการณ์ที่หาไม่ได้จากเมืองใหญ่

2. รถไฟสายวะตะราเสะ เคโคคุ (Watarase Keikoku Railway), กุนมะ

วิ่งผ่านสะพานเหล็กสูงเหนือหุบเขาวะตะราเสะ เหมาะสำหรับสายถ่ายรูปสุดๆ

ไฮไลท์ช่วงใบไม้เปลี่ยนสี:
เส้นทางยาว 44 กม. ช่วงต้นพฤศจิกายน ป่าและแม่น้ำเต็มไปด้วยสีสัน พร้อมสะพานเป็นจุดไฮไลท์

เมนูแนะนำ:
“คามะเมชิ” ข้าวอบหม้อดินรสชาติท้องถิ่น

คลิ๊กเพื่ออ่านเพิ่มเติม

🚂 Watarase Keikoku Railway – การเดินทางสุดคลาสสิกท่ามกลางขุนเขาและใบไม้หลากสี

🌄 ภาพรวมของเส้นทาง

รถไฟสาย Watarase Keikoku Railway เป็นหนึ่งในเส้นทางรถไฟที่ได้รับความนิยมสูงสุดในช่วงฤดูใบไม้ร่วงของญี่ปุ่น ด้วยเส้นทางยาวกว่า 44 กิโลเมตรที่เชื่อมระหว่าง สถานีคิริว (Kiryu) ในจังหวัดกุนมะ ไปจนถึง สถานีมะตะ (Mato) ในจังหวัดโทชิงิ ขบวนรถไฟจะวิ่งเลียบ หุบเขาวะตะราเสะ ผ่านสะพานเหล็กสูง และลอดอุโมงค์ภูเขา ท่ามกลางป่าไม้ที่เปลี่ยนสีอย่างสวยงาม

เมื่อเข้าสู่ปลายเดือนตุลาคมถึงกลางเดือนพฤศจิกายน ป่าทั้งสองฝั่งจะระบายด้วยสีแดง ส้ม และเหลืองของต้นเมเปิ้ลและกิงโกะ สะท้อนกับสายน้ำสีฟ้าใสของแม่น้ำวะตะราเสะ เป็นบรรยากาศที่ทั้งโรแมนติกและอลังการ


📸 จุดเด่นที่ทำให้สายนี้พิเศษกว่าสายอื่น

  • สะพานเหล็กสูงเหนือแม่น้ำวะตะราเสะ
    หนึ่งในไฮไลท์ของเส้นทางนี้คือการแล่นผ่านสะพานเหล็กที่ทอดยาวเหนือแม่น้ำ ทิวทัศน์ที่มองเห็นจากหน้าต่างรถไฟทำให้รู้สึกเหมือนลอยอยู่กลางหุบเขา

  • เส้นทางที่เปลี่ยนสีไปตามฤดูกาล
    ในฤดูใบไม้ร่วง คุณจะได้เห็นภาพใบไม้ที่ค่อย ๆ ไล่เฉดสีแดง ส้ม เหลืองตัดกับภูเขาสีเขียวเข้ม สร้างเลเยอร์ของสีสันที่งดงามเหมือนภาพพิมพ์ญี่ปุ่นโบราณ

  • สถานีรถไฟสไตล์เรโทร
    แต่ละสถานีของสายนี้ยังคงกลิ่นอายความคลาสสิกของยุคโชวะ เหมาะสำหรับการเดินเล่น ถ่ายภาพ และซึมซับบรรยากาศแบบชนบทญี่ปุ่นแท้ ๆ


🛤 ช่วงเวลาที่เหมาะที่สุดสำหรับการเดินทาง

  • ปลายเดือนตุลาคม – กลางพฤศจิกายน
    ช่วงนี้คือจุดพีคของใบไม้เปลี่ยนสีในกุนมะ อากาศเย็นสบาย ประมาณ 10–15°C เหมาะสำหรับการนั่งรถไฟชมวิวและลงแวะเดินเล่นตามสถานีเล็ก ๆ


🌟 กิจกรรมระหว่างทาง

  1. นั่งรถไฟ Open Car
    ขบวนบางเที่ยวมีตู้แบบเปิดโล่ง ทำให้คุณสามารถดื่มด่ำกับลมเย็นและเสียงธรรมชาติระหว่างทาง

  2. ถ่ายรูปสะพานเหล็กชื่อดัง
    สะพานหลักบนเส้นทางเป็นจุดถ่ายภาพที่ต้องห้ามพลาด โดยเฉพาะเวลารถไฟแล่นผ่านพร้อมฉากหลังเป็นป่าใบไม้แดง

  3. แช่ออนเซ็นใกล้เส้นทาง
    มีออนเซ็นท้องถิ่นหลายแห่ง เช่น Kurohone Onsen ให้คุณลงแวะพักและแช่เท้าหลังจากนั่งรถไฟ


🍱 อาหารท้องถิ่นที่ห้ามพลาด

  • คามะเมชิ (釜めし)
    ข้าวอบหม้อดินที่เสิร์ฟพร้อมผักและปลาแม่น้ำรสชาติละมุน เป็นเมนูขึ้นชื่อที่หลายร้านริมสถานีมีให้บริการ

  • มันหวานย่าง
    ช่วงฤดูใบไม้ร่วง มันหวานย่างหอม ๆ เป็นของทานเล่นยอดฮิต เหมาะกับอากาศเย็น

  • ซุปโทโจรุ
    ซุปมิโซะร้อน ๆ ใส่รากบัวและผักตามฤดูกาล ช่วยเพิ่มความอบอุ่นหลังการเดินทาง


🎯 จุดที่ต้องถ่ายรูปเก็บไว้

  • สะพานเหล็กสูงกลางหุบเขา

  • แม่น้ำวะตะราเสะที่คดเคี้ยวท่ามกลางป่าใบไม้เปลี่ยนสี

  • ตู้รถไฟสีส้มแดงที่ตัดกับวิวธรรมชาติ

  • สถานีรถไฟไม้เล็ก ๆ พร้อมป้ายชื่อสไตล์โบราณ


💡 เคล็ดลับสำหรับนักท่องเที่ยว

  • จองที่นั่งล่วงหน้า โดยเฉพาะตู้แบบ Panorama หรือ Open Car เพราะเต็มเร็วในฤดูใบไม้ร่วง

  • พกเสื้อกันหนาวแบบบาง ๆ หรือแจ็คเก็ตลม เนื่องจากอุณหภูมิลดลงเมื่อเข้าใกล้ภูเขา

  • เผื่อเวลาแวะระหว่างทาง เพราะหลายสถานีมีร้านขายของฝากและวิวสวย ๆ ให้ถ่ายรูป


ทำไม Watarase Keikoku Railway จึงเป็น Must-Experience?

เพราะมันไม่ใช่แค่การนั่งรถไฟ แต่มันคือการเดินทางที่ผสมผสาน ความงามของธรรมชาติในฤดูใบไม้ร่วง + วิถีชีวิตชนบทญี่ปุ่น + ความคลาสสิกของรถไฟเรโทร ที่คุณหาจากที่ไหนไม่ได้

3. รถไฟสายหุบเขาคุโรเบะ (Kurobe Gorge Railway), โทยามะ

รถไฟขบวนเล็กที่พาคุณลัดเลาะหุบเขาลึกแห่งคุโรเบะ วิวสวยจนต้องหยุดหายใจ

ไฮไลท์ช่วงใบไม้เปลี่ยนสี:
ปลายตุลาคม – ต้นพฤศจิกายน สะพานสีแดงตัดกับแม่น้ำสีฟ้าใส

เมนูแนะนำ:
“ซูชิปลาซีบาส” และซาชิมิจากทะเลญี่ปุ่น

คลิ๊กเพื่ออ่านเพิ่มเติม

🚞 Kurobe Gorge Railway – รถไฟสายหุบเขาคุโรเบะ ความงามที่ตัดผ่านธรรมชาติ


ภาพรวมของ Kurobe Gorge

หุบเขาคุโรเบะ (Kurobe Gorge) ตั้งอยู่ในจังหวัดโทยามะ เป็นหนึ่งใน จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่งดงามที่สุดของญี่ปุ่น ด้วยวิวหุบเขาลึก แม่น้ำคุโรเบะสีฟ้าใสตัดกับภูเขาที่ปกคลุมด้วยป่าเมเปิ้ลและต้นไม้ใบกว้างหลากสี ทำให้เกิดภาพที่โรแมนติกและยิ่งใหญ่

การเดินทางที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ การนั่งรถไฟสาย Kurobe Gorge Railway ซึ่งเป็นรถไฟท้องถิ่นขนาดเล็กวิ่งเลียบแม่น้ำและข้ามสะพานหลายแห่ง เป็นเส้นทางที่มีชื่อเสียงในหมู่คนรักธรรมชาติ เพราะสามารถชมวิวแบบ 360° โดยไม่มีสิ่งกีดขวาง


🛤 ลักษณะของเส้นทางรถไฟ

  • จุดเริ่มต้น: สถานี Unazuki Onsen

  • ปลายทางยอดนิยม: สถานี Keyakidaira

  • ระยะทาง: ประมาณ 20.1 กิโลเมตร

  • เวลาในการเดินทาง: ขาเดียวประมาณ 1 ชั่วโมง 20 นาที

รถไฟจะแล่นช้า ๆ ผ่านหุบเขาลึกและสะพานสูง เพื่อให้ผู้โดยสารดื่มด่ำกับวิวเต็มที่ โดยส่วนใหญ่เป็นขบวนแบบเปิดโล่ง (Open Car) ที่ให้ความรู้สึกเหมือนคุณกำลังล่องลอยอยู่กลางธรรมชาติ


🍁 ความงามในฤดูใบไม้เปลี่ยนสี

  • ช่วงเวลาที่ดีที่สุด: ปลายตุลาคม – ต้นพฤศจิกายน

  • สีสันของใบไม้: จากเขียวเริ่มแซมเหลือง ไล่ไปส้ม และแดงสดตัดกับสีฟ้าของแม่น้ำคุโรเบะ

  • อุณหภูมิ: 8–15°C เย็นสบาย เหมาะกับการแต่งเสื้อโค้ตเบา ๆ หรือเสื้อกันลม

เมื่อรถไฟเคลื่อนที่ผ่านสะพาน เช่น Atobiki Bridge (สะพานแขวนสูงชัน) และ Shin-Yamabiko Bridge คุณจะได้เห็นวิวที่อลังการราวกับภาพวาด ความรู้สึกเหมือนกำลังทะลุโลกแห่งศิลปะธรรมชาติที่มีชีวิต


🌟 ไฮไลท์ที่พลาดไม่ได้ระหว่างเส้นทาง

1. สะพานแดง Atobiki Bridge

หนึ่งในจุดถ่ายภาพที่โด่งดังที่สุดของเส้นทาง เห็นแม่น้ำคุโรเบะคดเคี้ยวด้านล่างและภูเขาใบไม้แดงล้อมรอบ

2. เขื่อนคุโรเบะ (Kurobe Dam) (เชื่อมต่อได้ถ้านั่งต่อไป Tateyama Kurobe Alpine Route)

เป็นหนึ่งในเขื่อนที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น วิวของเขื่อนกับภูเขาสีสันในฤดูใบไม้ร่วงสวยจนต้องหยุดมอง

3. Keyakidaira Station

ปลายทางของเส้นทางนี้ รายล้อมด้วยหุบเขาลึกและทางเดินธรรมชาติ มีจุดชมวิวแม่น้ำและสะพานแขวนที่ตื่นเต้นแต่ปลอดภัย


ประสบการณ์เสริมที่ควรลอง

  • ออนเซ็นกลางธรรมชาติที่ Unazuki Onsen
    ก่อนขึ้นรถไฟ ลองแช่ออนเซ็นกลางแจ้งพร้อมวิวภูเขาและแม่น้ำ ให้ร่างกายผ่อนคลาย

  • เดินป่ารอบ Keyakidaira
    มีเส้นทางธรรมชาติระยะสั้นให้เดินชมใบไม้สีแดงทองในมุมมองที่แตกต่างจากบนรถไฟ

  • พักเรียวกังสไตล์ญี่ปุ่น
    พร้อมเสิร์ฟอาหารไคเซกิและเมนูปลาแม่น้ำสดใหม่


🍱 อาหารท้องถิ่นที่แนะนำ

  • Shiroebi (กุ้งขาว) – ของขึ้นชื่อโทยามะ หวานกรอบ

  • Masu-zushi (ซูชิปลาเทราต์) – เสิร์ฟบนใบไผ่ กลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์

  • ซอฟต์ครีมรสนมสดโทยามะ – ละมุนและหอมมาก เหมาะเป็นของหวานระหว่างชมวิว


📷 จุดถ่ายภาพที่ต้องไม่พลาด

  • มุมมองจาก Open Car ที่เห็นหุบเขาและสะพานสีแดง

  • Atobiki Bridge – ถ่ายตอนรถไฟวิ่งกลางสะพาน

  • จุดชมวิวแม่น้ำคุโรเบะจาก Keyakidaira


💡 เคล็ดลับสำหรับนักท่องเที่ยว

  • จองที่นั่ง Open Car ล่วงหน้า เพื่อได้วิวแบบไม่มีอะไรมาบัง

  • แต่งกายเป็นชั้น ๆ อุณหภูมิในหุบเขาเย็นกว่าตัวเมือง

  • เตรียมแบตสำรองและกล้องถ่ายรูป เพราะคุณจะไม่อยากพลาดแม้แต่วิวเดียว

  • เช็คตารางเวลา: รถไฟวิ่งเฉพาะฤดูใบไม้ผลิถึงใบไม้ร่วง (เมษายน–ปลายพฤศจิกายน) และหยุดให้บริการช่วงฤดูหนาว


ทำไมต้อง Kurobe Gorge Railway ในฤดูใบไม้ร่วง?

เพราะที่นี่รวมความยิ่งใหญ่ของหุบเขาลึก ความใสของแม่น้ำ ความโรแมนติกของสะพานและวิว 360° เข้าไว้ด้วยกัน ประสบการณ์การนั่งรถไฟกลางธรรมชาติพร้อมสีสันของใบไม้แดงทำให้เส้นทางนี้เป็น จุดหมายในฝันสำหรับคนรัก Autumn Japan อย่างแท้จริง

4. รถไฟสายโรแมนติก ซะกะโนะ (Sagano Romantic Train), เกียวโต

นั่งรถไฟโรแมนติกชมวิวหุบเขาโฮซุ สุดคลาสสิกในเกียวโต

ไฮไลท์ช่วงใบไม้เปลี่ยนสี:
กลางถึงปลายพฤศจิกายน ต้นเมเปิ้ลแดงเรียงรายสองฝั่งแม่น้ำ

เมนูแนะนำ:
“ยัตสึฮาชิ” ขนมญี่ปุ่นดั้งเดิมของเกียวโต

คลิ๊กเพื่ออ่านเพิ่มเติม

รถไฟสายโรแมนติก ซะกะโนะ (Sagano Romantic Train) – เกียวโต (Kyoto)

สัมผัสประสบการณ์การเดินทางสุดโรแมนติกที่ เกียวโต (Kyoto) ในฤดูใบไม้เปลี่ยนสี กับรถไฟสาย Sagano Romantic Train หรือที่เรียกกันว่า “รถไฟสายโรแมนติกแห่งอาราชิยามะ” ขบวนรถไฟที่วิ่งเลียบหุบเขา โฮซุกาวะ (Hozugawa) ผ่านวิวแม่น้ำ ทิวเขา และป่าไม้ที่เปลี่ยนสีเป็นแดง ส้ม เหลืองสวยตระการตา ทำให้เส้นทางนี้กลายเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คสำคัญที่ต้องมาเยือนให้ได้ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงของญี่ปุ่น


1. ไฮไลท์ของเส้นทาง

  • วิวใบไม้เปลี่ยนสีที่อลังการ
    เส้นทางของรถไฟสายนี้ยาวเพียง 7.3 กิโลเมตร แต่ทุกช่วงเต็มไปด้วยทิวทัศน์ที่สวยงาม โดยเฉพาะใบไม้ที่ไล่เฉดสีตั้งแต่เหลืองทองไปจนถึงแดงเข้ม ตัดกับสีเขียวของป่าสนและสีฟ้าของสายน้ำ สร้างภาพที่โรแมนติกเหมือนภาพวาด

  • เส้นทางเลียบแม่น้ำโฮซุกาวะ
    ไฮไลท์คือการมองเห็นสายน้ำที่ไหลเลียบไปกับภูเขาและป่าไม้ ทำให้บรรยากาศสดชื่น และถ่ายภาพออกมาสวยงามแบบไม่มีมุมไหนเสีย

  • บรรยากาศย้อนยุคบนขบวนรถไฟ
    ขบวนรถไฟดีไซน์สไตล์เรโทร เพิ่มความคลาสสิกให้นักท่องเที่ยวได้ฟีลย้อนยุค พร้อมเบาะไม้และช่องหน้าต่างกว้างที่ทำให้ชมวิวได้เต็มตา


2. จุดชมวิวที่ต้องไม่พลาด

  • สถานีโทโรคโคะซะกะโนะ (Torokko Saga Station)
    จุดเริ่มต้นของการเดินทาง เชื่อมกับรถไฟ JR ได้สะดวก

  • สะพานข้ามแม่น้ำโฮซุกาวะ
    ช่วงนี้เป็นจุดที่นักถ่ายภาพนิยมมาก เพราะสามารถเห็นโค้งน้ำและใบไม้หลากสี

  • สถานีคาเมโอกะ (Kameoka Station)
    ปลายทางที่มีทุ่งนาและภูเขาล้อมรอบ บรรยากาศสงบเหมาะสำหรับการพักผ่อน


3. เคล็ดลับการนั่งรถไฟให้ได้วิวสวยที่สุด

  • เลือกนั่งฝั่งแม่น้ำ
    ขบวนจะมีสองฝั่ง แนะนำให้นั่งฝั่งที่ติดแม่น้ำโฮซุกาวะ เพื่อเก็บวิวสวยแบบเต็มตา

  • เลือกโบกี้เปิดโล่ง (The Rich Car)
    สำหรับคนที่ต้องการสัมผัสลมธรรมชาติและถ่ายรูปแบบไร้กระจกกั้น


4. เมนูอาหารแนะนำระหว่างทริป

แม้ในรถไฟสายนี้จะไม่ได้มีบริการอาหารเต็มรูปแบบ แต่สามารถแวะทานที่อาราชิยามะก่อนหรือหลังนั่งรถไฟได้

  • ขนมโยะจิยะ (Yojiya Cafe) – เมนูมัทฉะลาเต้และขนมหวานสุดน่ารัก

  • โซบะร้อนรสกลมกล่อม – อร่อยสุดเมื่อทานในอากาศเย็นช่วงใบไม้เปลี่ยนสี

  • มันจูและขนมพื้นเมือง – มีขายตามร้านค้าแถบสถานี อร่อยและเหมาะสำหรับเป็นของฝาก


5. ช่วงเวลาที่ดีที่สุด

  • กลางถึงปลายเดือนพฤศจิกายน คือช่วงพีคที่ใบไม้เปลี่ยนสีเต็มที่ แนะนำให้จองตั๋วล่วงหน้าเพราะเป็นช่วงที่คนแน่นมาก


6. กิจกรรมเพิ่มเติม

  • ล่องเรือโฮซุกาวะ (Hozugawa River Boat Ride)
    หลังจากลงรถไฟ สามารถต่อด้วยการล่องเรือชมวิวหุบเขาในมุมมองที่ต่างออกไป

  • เดินเล่นย่านอาราชิยามะ
    แวะชมป่าไผ่และสะพานโทเก็ตสึเคียว (Togetsukyo Bridge) สัญลักษณ์ของเกียวโต


✅ เหมาะสำหรับ

นักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสความโรแมนติกของฤดูใบไม้เปลี่ยนสีในเกียวโตแบบเต็มอิ่ม เหมาะทั้งคู่รัก ครอบครัว และนักท่องเที่ยวสายถ่ายรูป

5. ชิโกะคุ มันนะกะ เซ็นเน็น โมโนงาตาริ (Shikoku Mannaka Sennen Monogatari)

สัมผัสการเดินทางสุดหรูพร้อมอาหารท้องถิ่นบนรถไฟหรูแห่งชิโกะคุ

ไฮไลท์ช่วงใบไม้เปลี่ยนสี:
วิวภูเขาและทุ่งนาในคางาวะ ช่วงใบไม้เปลี่ยนสีตัดกับท้องฟ้าใส

เมนูแนะนำ:
“ซานูกิอุด้ง” เมนูดังของคางาวะ

คลิ๊กเพื่ออ่านเพิ่มเติม

รถไฟท่องเที่ยวสุดหรู “ชิโกะคุ มันนะกะ เซ็นเน็น โมโนงาตาริ” (Shikoku Mannaka Sennen Monogatari)

สัมผัสเสน่ห์แห่งเกาะชิโกะคุในบรรยากาศสุดเอ็กซ์คลูซีฟบนรถไฟหรูที่เต็มไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม พร้อมวิวภูเขา แม่น้ำ และใบไม้เปลี่ยนสีสุดตระการตาในฤดูใบไม้ร่วง รถไฟสายนี้ไม่เพียงเป็นพาหนะ แต่เป็น “ประสบการณ์” ที่ผสมผสานความงดงามของธรรมชาติ อาหารชั้นเลิศ และงานศิลป์ท้องถิ่นไว้อย่างลงตัว


1. จุดเด่นของ Shikoku Mannaka Sennen Monogatari

  • ชื่อที่มีความหมายลึกซึ้ง
    “Sennen Monogatari” แปลว่า “ตำนานพันปี” สื่อถึงเส้นทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่รถไฟวิ่งผ่านกลางเกาะชิโกะคุ

  • ดีไซน์รถไฟสุดหรู
    ภายในตกแต่งอย่างหรูหราแบบญี่ปุ่นร่วมสมัย ใช้ไม้เป็นวัสดุหลัก เน้นความอบอุ่นและกลิ่นอายดั้งเดิม ผสมผสานลวดลายที่ได้รับแรงบันดาลใจจากภูเขาและแม่น้ำของชิโกะคุ

  • ประสบการณ์ระดับพรีเมียม
    เส้นทางยาวประมาณ 85 กิโลเมตร เชื่อมระหว่าง ทาดะสึ (Tadotsu)โอบาเกะ (Oboke)คอตสึโนะ (Kotohira) โดยใช้เวลาเดินทางราว 3 ชั่วโมง เต็มไปด้วยวิวที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดเส้นทาง


2. ไฮไลท์ใบไม้เปลี่ยนสีบนเส้นทาง

  • แม่น้ำโยชิโนะ (Yoshino River)
    จุดที่ต้องตะลึง! แม่น้ำสายสำคัญของชิโกะคุที่ล้อมรอบด้วยภูเขาใบไม้แดง-ส้มสะพรั่ง โดยเฉพาะโค้งแม่น้ำที่มองจากหน้าต่างรถไฟ ให้ภาพเหมือนโปสการ์ด

  • หุบเขาโอบาเกะ (Oboke Gorge)
    ช่วงที่ตัดผ่านหุบเขาแคบและลึก น้ำสีเขียวมรกตตัดกับสีแดงของเมเปิล และสีทองของต้นแปะก๊วย บรรยากาศเหมือนหลุดไปอีกโลก

  • ทุ่งนาและหมู่บ้านญี่ปุ่นโบราณ
    ในบางช่วงจะผ่านหมู่บ้านเก่าและทุ่งนาแบบเรียบง่าย แทรกด้วยต้นไม้ที่ไล่เฉดสีอย่างลงตัว เหมาะสำหรับคนที่ชื่นชอบวิถีชนบท


3. อาหารและประสบการณ์บนรถไฟ

หนึ่งในจุดขายของ Shikoku Mannaka คือ อาหารสุดพรีเมียมที่จัดเสิร์ฟบนรถไฟ

  • คอร์สอาหารไคเซกิ (Kaiseki Ryori)
    เสิร์ฟโดยใช้วัตถุดิบท้องถิ่นตามฤดูกาล เช่น ปลาน้ำจืดจากแม่น้ำโยชิโนะ เนื้อคุณภาพจากชิโกะคุ และผักสดที่หอมหวาน

  • ของหวานและชาเขียวพรีเมียม
    เสิร์ฟพร้อมภาชนะสวยงามแบบงานศิลป์ช่างฝีมือท้องถิ่น

  • เครื่องดื่มและสาเกท้องถิ่น
    สำหรับคนที่ต้องการสัมผัสรสชาติแท้ของชิโกะคุ


4. บรรยากาศภายใน

  • ห้องโดยสารตกแต่งหรูหราด้วยโทนไม้และผ้าทอมือ

  • หน้าต่างขนาดใหญ่เพื่อให้ชมวิวแบบพาโนรามา

  • บริการระดับโรงแรม พร้อมพนักงานใส่ชุดกิโมโน ให้ความรู้สึกต้อนรับแบบญี่ปุ่นแท้


5. ช่วงเวลาที่ควรเดินทาง

  • ปลายตุลาคม – ปลายพฤศจิกายน
    เป็นช่วงที่ใบไม้เปลี่ยนสีเต็มที่ โดยเฉพาะกลางเดือนพฤศจิกายนจะเป็นจุดพีค ใบเมเปิลและแปะก๊วยจะมีสีสดตัดกับน้ำและหินในหุบเขา


6. เคล็ดลับสำคัญ

  • จองล่วงหน้าอย่างน้อย 1-2 เดือน เนื่องจากเป็นรถไฟหรู มีที่นั่งจำกัด

  • เลือกนั่งฝั่งวิวแม่น้ำ เพื่อเก็บภาพโอบาเกะและแม่น้ำโยชิโนะ

  • แต่งกายสุภาพและสวยงาม เพราะการนั่งรถไฟนี้เป็นเหมือนดินเนอร์สุดพิเศษบนราง


เหมาะสำหรับใคร?

  • นักท่องเที่ยวที่ต้องการประสบการณ์หรูหรา

  • คู่รักที่มองหาทริปโรแมนติก

  • สายชิมอาหารไคเซกิและสัมผัสวัฒนธรรมท้องถิ่น

การนั่ง รถไฟชมใบไม้เปลี่ยนสี ญี่ปุ่น คือประสบการณ์ที่ผสมผสานธรรมชาติและความโรแมนติกได้อย่างลงตัว เลือกสักหนึ่งใน 5 เส้นทางนี้ แล้วคุณจะหลงรักฤดูใบไม้ร่วงของญี่ปุ่นอย่างแน่นอน

แสกนคิวอาร์โค้ด เพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
โทรศัพท์คุยกับทีมงาน PKG JOURNEY

รวมแพ็คเกจทัวร์เส้นทางทั่วโลก

Like Us On Facebook

Facebook Pagelike Widget